พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลไม่ปฏิเสธช่องทางในการพูดคุย โดยการพูดคุยก็มีหลายองค์ประกอบ ก่อนจะนำมาพิจารณาและตัดสินใจร่วมกัน และโดยส่วนตัวเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากันและสามัคคีกัน เพราะไม่อยากเห็นความแตกแยกจนนำไปสู่ความรุนแรง และมีความสูญเสียเกิดขึ้นในบ้านเมือง
ส่วนกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เสนอตัวเป็นคนกลางในการเจรจานั้น นายกรัฐมนตรี เห็นว่า เป็นเรื่องที่ดี แต่อยากฝากให้กกต.ดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้เกิดขึ้น ซึ่งได้มอบหมายให้พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) ดูแลด้านความมั่งคง ลงพื้นที่ตรวจสอบทุกพื้นที่การเลือกตั้งเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างเรียบร้อยและปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าการที่ตนเองลงพื้นที่ต่างจังหวัดนั้น เพื่อลดการเผชิญหน้า เพราะการทำงานในกทม.อาจเกิดการปะทะกันได้ แต่ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งต้องขอความเห็นใจด้วย พร้อมกับย้ำว่า อยู่ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรีเพื่อรักษาประชาธิปไตยให้เดินหน้าไปได้ ไม่ใช่เพื่อตนเอง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในวันพรุ่งนี้(27 ก.พ.)ว่า จะขอปรึกษาคณะทำงานฝ่ายกฏหมายก่อนว่าจะเดินทางไปด้วยตนเองหรือไม่ ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะมีการขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหา เพราะยังไม่ได้หารือกัน