"ถ้ามีกรอบ ที่ตรงกัน การพูดคุยกันก็สามารถเป็นไปได้ แต่ถ้ากรอบที่ต่างคนต่างไม่ตรงกัน ก็เป็นสิ่งที่ยากในการที่จะพูดคุย"น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว พร้อมทั้งตั้งคำถามกลับไปที่นายสุเทพว่า พร้อมที่จะเจรจาภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญหรือไม่ และ จะยุติชุมนุมเพื่อให้การเลือกตั้งสามารถดำเนินไปตามระบอบและกรอบของประชาธิปไตยหรือไม่
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่สำคัญสิ่งที่ทุกคนต้องการคือการยุติการชุมนุม และอยากให้การเลือกตั้งสามารถดำเนินต่อไป ไม่เช่นนั้นเราก็ไม่สามารถตอบคำถามจากนานาประเทศได้ว่าเราจะรักษาระบอบประชาธิปไตยอย่างไร ถือเป็นหลักใหญ่ที่ต้องยึด ส่วนรูปแบบการเจรจาจะเป็นอย่างไรคงยังตอบไม่ได้ เพราะไม่มีสูตรสำเร็จ แต่สิ่งที่ต้องทำคือ ต้องค่อยๆพูดกันไป เพราะอาจมีความต่างกันในหลายประเด็น แต่บางประเด็นที่สามารถคุยกันได้ก็ควรมีการตีกรอบให้แคบลง
"ในส่วนของดิฉันเองก็ต้องมีคนอื่นเข้ามาช่วยเหลือว่าจะมีมุมมองในการแก้ไขปัญหาอย่างไร จึงไม่ได้หมายความว่าเราจะปิดกรอบทั้งหมด เพียงแต่ ต้องมีผู้ที่รู้เข้ามาช่วย ไม่เช่นนั้นก็จะไม่สามารถชี้แจงได้ ที่สำคัญสิ่งที่ทุกคนต้องการคือการยุติการชุมนุม และอยากให้การเลือกตั้งสามารถดำเนินต่อไป ไม่เช่นนั้นเราก็ไม่สามารถตอบคำถามจากนานาประเทศได้ว่าเราจะรักษาระบอบประชาธิปไตยอย่างไร ถือเป็นหลักใหญ่ที่เราต้องยึด ซึ่งดิฉันเห็นด้วยกับหลักการในการพูดคุย และหลักการเจรจาโดยสันติ" นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าโดยหลักของการเจรจาจะต้องมีการถ่ายทอดสดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คงต้องเรียนว่าตนเพียงคนเดียวคงตอบไม่ได้ควรจะมีการพูดคุยกันหลายๆคนน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าเพราะว่าต้องมีผู้รู้เข้ามาร่วมด้วย เนื่องจากตนเองไม่สามารถจะตัดสินใจแทนคนทั้งประเทศได้ เพราะมีทั้งเรื่องกฎกติกาและรายละเอียดต่างๆ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีศูนย์รักษาความสงบ(ศรส.) จะเชิญตัวแทนองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น)มาเป็นคนกลางในการพูดคุยและให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหาว่า ทางยูเอ็นก็มีแนวทางการศึกษาจากหลายๆประเทศ การรับฟังในเรื่องของมุมมองและการแลกเปลี่ยนจากหลายๆประเทศนั้นถือเป็นสิ่งที่ดีไม่ควรจะปิดกั้น แต่สุดท้ายแล้วเราเองก็ต้องมาพูดคุยกันภายในประเทศ
"เราไม่มีคำว่าแพ้ชนะ เรามีแต่คำว่าเราจะทำอย่างไรให้สามารถประคองประเทศและสถานการณ์เดินไปได้ สิ่งที่ถือเป็นชัยชนะคือประชาชนและประเทศต่างหากที่เราอยากเห็น ไม่อยากจะพูดว่าฝ่ายหนึ่งแพ้ฝ่ายหนึ่งชนะ ถ้าเรามีทิฐิต่อกัน ก็ไม่มีทางที่จะทำให้เส้นทางที่เป็นคู่ขนานมาบรรจบกันได้"