สำหรับสภาพการจราจรภายหลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้ย้ายเวทีไปชุมนุมที่เวทีสวนลุมพินี การจราจรยังคงมีการปิดการจราจรอยู่ 5 จุด ประกอบด้วย แยกศาลาแดงมีการปิดจราจรบริเวณถนนราชดำริฝั่งสวนลุมพินี
บริเวณสะพานไทย-ญี่ปุ่น ช่วงเช้าได้เปิดการจราจรฝั่งขาเข้า และกำลังมีการเจรจาเพื่อขอเปิดช่องทางการจราจรตลอดทุกช่วงเวลาต่อไป
บริเวณสะพานไทย-เบลเยี่ยม ได้มีการเปิดการจราจรทั้งขาเข้าและขาออก ในช่วงเวลากลางวัน จนถึงเวลาประมาณ 19.00 น. จะมีการปิดการจราจรเหมือนเดิม
ส่วนบริเวณพื้นที่โดยรอบทำเนียบรัฐบาลกระทรวงมหาดไทย และถนนราชดำเนิน จากแยกสวนมิสกวันต่อเนื่องถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ยังคงมีการปิดถนนทำให้รถไม่สามารถสัญจรผ่านแยกป้อมมหากาฬได้
แยก จ.ป.ร. เปิดการจราจรทั้งขาเข้าและขาออก ฝั่งละ 1 ช่องทาง
ทั้งนี้ พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กำชับให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้เร่งการเจรจาเพื่อขอคืนพื้นที่การจราจรโดยเร็วที่สุด
ส่วนทางด้านศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ยังปิดการจราจร ผู้ใช้รถยังต้องใช้ถนนภายในศูนย์ราชการ ทั้งขาเข้าและขาออก
พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผบ.ตร.ได้กำชับให้มีการประเมินสถานการณ์ และให้มีการปรับกำลังในการตั้งจุดตรวจความมั่นคง สำหรับพื้นที่เวทีสวนลุมพินีนั้น เป็นรอยต่อเขตรับผิดชอบของ กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 ดังนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จึงได้ตั้งที่ทำการบริหารเหตุการณ์ บริเวณที่ชุมนุมเวทีสวนลุมพินี โดยมี พล.ต.ต. ชาญเวช เสละเวช รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์พื้นที่และเปิดช่องทางเจรจาวางกำลังรวมกับทหารตั้งด่านเพื่อคุมเข้มฮาร์ดคอร์ ตั้งด่านตรวจค้นอาวุธ ชุดเคลื่อนที่เร็วควบคุมจุดสูงข่มแนววิถีกระสุนโค้ง การจับกุมผู้พกพาอาวุธต่อเนื่องให้ขยายผลแหล่งซุกซ่อนและพักพิง และติดตามคดีสำคัญยิงเอ็ม 79 และติดตามจับกุมแกนนำตามหมายจับอย่างต่อเนื่อง