"สยามประชาภิวัฒน์"แจง 3 เหตุผลรัฐบาลยิ่งลักษณ์สิ้นสุดการเป็นรักษาการ

ข่าวการเมือง Tuesday March 4, 2014 14:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิชาการกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ เช่น นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน, นายบรรเจิด สิงคะเนติ และนายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ร่วมอ่านแถลงการณ์เรื่องการสิ้นสุดลงของรัฐบาลรักษาการน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ความว่า ความแตกแยกขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้กำลังขยับเข้าสู่ภาวะสงคราม ซึ่งเป็นภาวะที่ฝ่ายหนึ่งใช้กองกำลังติดอาวุธซุ่มโจมตีและทำลายอีกฝ่ายหนึ่งที่ใช้การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ถือหลักสันติ อหิงสา เป็นแนวทางในการต่อสู้

ภาวการณ์เช่นนี้ย่อมนำไปสู่ความสูญเสียต่อชีวิตและร่างกายของผู้บริสุทธ์ ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กได้ตกเป็นเหยื่อทางการเมืองของผู้กระหายอำนาจ แม้จะแลกด้วยชีวิตเลือดเนื้อของผู้บริสุทธิ์ และยังไม่อาจคาดหมายได้ว่าจะมีผู้บริสุทธิ์อีกกี่รายที่จะต้องพลีชีวิตเพื่อให้รักษาการนายกรัฐมนตรีที่ไม่อาจกล่าวอ้างหลักประชาธิปไตยได้ ได้เสวยอำนาจอีกต่อไป

ดังนั้นกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์เห็นว่า รัฐบาลภายใต้การนำของรักษาการนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้สิ้นสุดลง ปราศจากฐานที่จะอ้างความชอบธรรมใดๆ ตามรัฐธรรมนูญได้อีกต่อไป สืบเนื่องมาจาก 1.ความล้มเหลวของการเลือกตั้ง การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.57 ที่ไม่อาจนำไปสู่การเปิดสภาผู้แทนราษฎรได้ตามมาตรา 127 ของรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ยังมีปัญหาว่าการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะขัดกับมาตรา 108 ของรัฐธรรมนูญ และปัญหาอื่นๆ อีกหลายประการ

กล่าวโดยสรุป ฉันทานุมัติของประชาชนจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ก.ค.54 ที่ส่งผลให้จัดตั้งรัฐบาลนั้นย่อมสิ้นสุดลงเมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร และเพียงทำหน้าที่รักษาการเพื่อรอสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ในการเลือกผู้บริหารชุดใหม่ต่อไปเมื่อเป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57 ไม่อาจบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ การดำรงอยู่ของรัฐบาลจึงมิอาจดำรงอยู่ได้อีกต่อไป

2.ความล้มเหลวของรัฐบาล รัฐบาลรักษาการณ์ภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ในภาวะล้มเหลวในการบริหารโดยสิ้นเชิง กล่าวคือ ก) ความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน ข) ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาให้กับชาวนา อันสืบเนื่องจากโครงการรับจำนำข้าวซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทย จนนำไปสู่การฆ่าตัวตายและการเสียชีวิตจำนวนมากของชาวนาผู้ประสบเคราะห์กรรมจากนโยบายดังกล่าว ความล้มเหลวดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวที่รัฐบาลไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ค) ความล้มเหลวในการดูแลความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชน โดยเฉพาะจากกองกำลังที่ลอบซุ่มโจมตีด้วยอาวุธสงครามต่อผู้บริสุทธ์ ความเสียหายต่อผู้บริสุทธ์คนแล้วคนเล่านอกจากอำนาจฝ่ายรัฐบาลไม่สามารถปกป้องคุ้มครองได้แล้ว การกระทำทั้งหลายเหล่านี้น่าเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับฝ่ายรัฐบาลโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

3.ส่วนประกอบต่างๆ ของรัฐบาลกระทำการปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญ เมื่อรัฐบาลไม่อาจอาศัยความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 ประกอบกับรัฐบาลไม่สามารถใช้อำนาจของฝ่ายบริหารในการสั่งการใดๆได้ ตลอดทั้งศาลได้มีคำสั่งห้ามมิให้ 'ศูนย์รักษาความสงบ' (ศรส.) ใช้อำนาจตามที่ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้อีกต่อไป "องคาพยพของรัฐบาล"จึงหันไปใช้กองกำลังติดอาวุธที่เคยใช้ได้ผลเมื่อ พ.ค.53 เพื่อข่มขู่คุกคามผู้ชุมนุมโดยสงบปราศอาวุธถือหลักสันติอหิงสา จนนำมาสู่การบาดเจ็บล้มตายของผู้บริสุทธ์ คนแล้วคนเล่า ไม่เว้นแม้แต่เด็กผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เดียงสา

จนล่าสุดมีการเดินพลสวนสนามของ กองกำลังอาสาสมัคร และต่อมามีการรับสมัครอาสาสมัครโดยกล่าวอ้างว่าเพื่อปกป้องประชาธิปไตย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมีความเชื่อมโยงไปสู่การแบ่งแยกประเทศเป็นประเทศอีสานล้านนานั้น การกระทำดังกล่าวย่อมเป็นพฤติกรรมที่ประจักษ์ชัดว่าเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญจนไม่อาจยอมรับได้อีกต่อไป

ทั้งนี้ จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น รัฐบาลรักษาการจึงสิ้นสภาพจากกระทำของตนเองและองคาพยพของรัฐบาลโดยไม่อาจกล่าวอ้างรัฐธรรมนูญและหลักประชาธิปไตยได้อีกต่อไป เพราะผู้จะกล่าวอ้างรัฐธรรมนูญและหลักประชาธิปไตยได้นั้น จะต้องไม่ใช่ผู้ทำลาย

"ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้เอง สถาบันทางการเมืองเท่าที่เหลืออยู่และประชาชน ชอบที่จะสถาปนา "ผู้ปกป้องรัฐและรัฐธรรมนูญ" ขึ้นใหม่เพื่อธำรงความเป็นราชอาณาจักรที่มิอาจแบ่งแยกได้ และพิทักษ์ปกป้องรัฐธรรมนูญและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขสืบไปตราบชั่วลูกชั่วหลานของสยามประเทศ" แถลงการณ์ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ