ศรส.เห็นว่าแนวทางการดำเนินคดีเช่นนี้ สมควรนำไปใช้กับสถานที่ราชการ และภาคธุรกิจที่ถูกแกนนำ กปปส.นำมวลชนไปปิดล้อมบุกรุกให้ได้รับความเสียหาย โดยในส่วนของหน่วยงานราชการนั้น ศรส.ได้แจ้งกำชับให้ดำเนินการเป็นการเร่งด่วนแล้ว
พร้อมกันนี้ ศรส.ขอประณามการกระทำของแกนนำ กปปส.โดยเฉพาะนายอุทัย ยอดมณี และนายนิติธร ล้ำเหลือ กับพวก ที่ได้นำเอามวลชนไปชุมนุมปิดล้อมด้านหน้าสถานทูตต่างๆ เช่น จีน, อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ตลอดทั้งวันเมื่อวานนี้ โดยเฉพาะที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย มีการกล่าวปราศรัยโจมตีเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ รวมถึงกระทำการฉีกแถลงการณ์และโปรยเศษกระดาษเข้าไปในแนวรั้วของสถานทูต ซึ่งแกนนำ กปปส. ด้เคยกระทำการในลักษณะนี้ที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกามาแล้วเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 56 โดยปิดล้อมและปราศรัยโจมตีรัฐบาลสหรัฐอเมริกากล่าวหาว่าแทรกแซงการบริหารราชการของรัฐบาลไทย พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเรียกตัวเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยกลับไป และให้ส่งเอกอัครราชทูตคนใหม่มาปฏิบัติหน้าที่แทน
ซึ่งการกระทำดังกล่าว นอกจากจะเป็นความผิดต่อกฎหมายอาญาฐานกระทำการดูหมิ่นผู้แทนรัฐต่างประเทศ ตามมาตรา 134 แล้วยังเป็นการกระทำที่สมควรถูกประณามอย่างยิ่ง เพราะเป็นการกระทำโดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีของประชาชนทั้งสองประเทศ ซึ่งมีความสัมพันธ์อันยาวนานถึง 177 ปี เป็นการไม่ให้เกียรติต่อสถานที่และผู้แทนทางการทูต ซึ่งไม่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ ศรส.ได้รับรายงานว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา(6 มี.ค.) บริเวณใกล้กับที่ชุมนุมของ กปปส. มีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงถูกประชาชนที่สัญจรผ่านบริเวณดังกล่าวได้รับบาดเจ็บ 2 คน โดยวิถีกระสุนปืนถูกยิงมาจากในบริเวณสวนลุมพินีที่มีการชุมนุม ซึ่งศรส.ได้แจ้งเตือนพี่น้องประชาชนตลอดมาว่า บริเวณการชุมนุมและสถานที่ใกล้เคียง ได้มีเหตุร้ายต่อเนื่องตลอดมา โดยถือเป็นพื้นที่อันตรายอย่างยิ่ง ดังเช่นกรณีนายยืม นิลหล้า ที่ไปนั่งพักผ่อนในสวนลุมพินีใกล้กับบริเวณเวทีชุมนุม แล้วถูกการ์ด กปปส.จับกุมตัวไปซ้อมทำร้าย แล้วมัดตัวไว้ในเต็นท์ของการ์ดนานถึง 6 วัน ก่อนนำตัวไปโยนทิ้งแม่น้ำบางปะกงเพื่อให้ถึงแก่ความตาย
นอกจากนี้ยังมีศพชายไทยอีก 2 ศพ ถูกทำร้ายแล้วอำพรางทิ้งไว้ในรัศมีใกล้กับบริเวณการชุมนุมอีกด้วย ซึ่ง ศรส.ได้พยายามขอร้องแกนนำ กปปส. ตลอดมาให้ยุติการใช้ความรุนแรง และอย่าเปิดโอกาสให้มีกลุ่มคนร้ายปะปนในการชุมนุม แต่ก็ไม่เป็นผล ในขณะที่ ศรส. และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีข้อจำกัดในการปฏิบัติหน้าที่ตามคำพิพากษาของศาลแพ่งที่มีข้อห้ามถึง 9 ข้อ ดังนั้นในสภาวะเช่นนี้ ศรส.จึงขอร้องพี่น้องประชาชนให้งดเว้นการเข้าร่วมชุมนุมและเข้าไปในพื้นที่ใกล้กับบริเวณที่ชุมนุม เพื่อความปลอดภัยในชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของท่าน