สำหรับผู้ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่ปฏิบัติราชการเป็นเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา โดยนายจารุพงศ์มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายบังคับบัญชาข้าราชการ รับผิดชอบกำหนดนโยบายกระทรวงมหาดไทยเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงในราชอาณาจักร น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นรมว.กลาโหมมีหน้าที่ในการกำกับโดยทั่วไปซึ่งการบริหารแผ่นดินบังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหารทุกตำแหน่ง รวมทั้งนายจารุพงศ์ และนายณัฐวุฒิ สามารถสั่งยับยั้งการปฏิบัติราชการได้ และยังมีอำนาจในฐานะ รมว.กลาโหม กำหนดนโยบายเพื่อป้องกันและรักษาความมั่นคงภายใน อีกทั้งในฐานะเป็นนายกและรมว.กลาโหม มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 178 ต้องบริหารให้ประเทศไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวแบ่งแยกไม่ได้ตามรัฐธรรมนูญ
"ทั้ง 3 คนก่อนเข้ารับหน้าที่ต้องถวายสัตย์ต่อพระมหากษัตริย์ แต่กลับปล่อยปละเลยเลยให้แกนนำเสื้อแดงประกาศแบ่งแยกประเทศ ประกาศปลดศาลแพ่ง ล้มองค์กรอิสระ พูดจาจาบจ้วงต่อสถาบัน ถึงขั้นคิดเปลี่ยนแปลงองค์พระประมุข และเตรียมตั้งเมืองหลวงที่ภาคเหนือหรือภาคอีสานเป็นการแบ่งแยกแผ่นดิน ขณะที่นายจารุพงศ์กล่าวบนเวทีในนามพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลน้อมรับข้อเสนอของแกนนำ นปช.ไปดำเนินการต่อร่วมกับคนเสื้อแดงและยังใส่ร้ายองค์กรอิสระและตุลาการว่า ไม่มีความเลวร้ายใดที่ทำในนามของกระบวนการยุติธรรม ที่ไม่มีความเป็นธรรม"
นายวิรัตน์ ระบุว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่วาทกรรมแต่มีความพยายามตั้งรัฐไทยใหม่ ประกาศแบ่งแยกประเทศ จัดเตรียมกองกำลัง และคิดยกเลิกรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังมีความพยายามเปลี่ยนแปลงพระมหากษัตริย์ จึงถือว่า รมว.มหาดไทย และ รมช.พาณิชย์ เป็นการยุยงให้มีการแบ่งแยกราชอาณาจักร กระทบความมั่นคงร้ายแรง โดยมิได้ห้ามปรามแต่กลับขึ้นเวทีเสื้อแดงรับข้อเสนอในนามหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและรมว.มหาดไทยในรัฐบาลนี้จะนำข้อเสนอไปดำเนินการ ขณะที่นายกรับทราบมีหน้าที่ในการป้องกันตั้งกรรมการสอบสวนหรือปลด รมว.มหาดไทยและรมช.พาณิชย์ เพราะกระทำการเป็นกบฏต่อแผ่นดินแต่กลับปกป้องว่าไม่ได้กระทำความผิด จึงถือว่าเป็นการการปฏิบัติหน้าที่มีความผิดตามมาตรา 157,113,114,116
นอกจากนี้ ยังเห็นว่ามีความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 คือ มีพฤติกรรมให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองโดยไม่เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายจารุพงศ์ และนายณัฐวุฒิ ในสัปดาห์หน้าด้วย