ทั้งนี้ ศรส.ได้รับแจ้งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ว่า ได้กำหนดมาตรการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ทั้งในวันเลือกตั้งล่วงหน้า 23 มีนาคม และวันเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 30 มีนาคม 2557 โดยจัดตั้งศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาขึ้นในทุกระดับ โดยจัดชุดรักษาความปลอดภัยสถานที่เลือกตั้ง สถานที่พิมพ์บัตรเลือกตั้ง และสถานที่เก็บบัตรเลือกตั้ง รวมถึงสนับสนุนการเลือกตั้งตามที่ กกต.จะได้ร้องขอ โดยมีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 1 แสนนาย เพื่อให้การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาในปลายเดือนนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
นอกจากนี้ ศรส.ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า คดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งอันเกิดจากการกระทำของแกนนำ กปปส.กับพวก เมื่อครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีดังนี้ คดี กปปส. ขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 149 คดี แยกเป็นคดีเกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน 51 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด จำนวน 143 คดี และ คดีที่เจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น 177 คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน 66 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัดจำนวน 111 คดี รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น 371 คดี โดยศาลได้ออกหมายจับให้ รวมทั้งสิ้น 186 คน ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว 105 คน
ทั้งนี้ เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต.จงใจละทิ้ง ไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง 1,552 คน นอกจากนี้ ยังปรากฏว่า พนักงานสอบสวนของตำรวจนครบาล พนักงานสอบสวนของจังหวัดสตูลและจังหวัดพัทลุง ได้รับคำร้องทุกข์กล่าวโทษในคดีขัดขวางการเลือกตั้งในเขตพื้นที่ 2 จังหวัด ซึ่งมีการร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กลาง ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้เกิดการขัดขวางการเลือกตั้ง และไม่ดำเนินการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
นายธาริต กล่าวต่อว่า โทษที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการเลือกตั้ง เป็นความผิดอุกฉกรรจ์ที่มีทั้งโทษจำคุกและปรับ รวมถึงการตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ซึ่ง ศรส.จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีกับแกนนำ กปปส. ที่ขัดขวางการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิด เพื่อนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ และป้องปรามไม่ให้มีการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้
ศรส.ขอตำหนินายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. ที่พยายามให้ข่าวตลอดเวลาว่า ศรส.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จงใจกลั่นแกล้งนายอิสระ สมชัย แกนนำ กปปส. ซึ่งศรส.ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง การดำเนินคดีนี้เป็นไปตามข้อเท็จจริง กล่าวคือ นายยืม นิลหล้า ได้เข้าไปนั่งพักผ่อนบริเวณสวนลุมพินี ใกล้กับเวทีการชุมนุมของ กปปส.แล้วได้ถูกการ์ด กปปส.ควบคุมตัวและทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยการรุมซ้อมทำร้ายร่างกายแล้วจับมัดไว้ในเต็นท์การ์ดเป็นเวลาถึง 6 วัน มีอาการปอดฉีกขาดและบาดแผลถูกรุมทำร้ายทั่วทั้งร่างกาย แล้วทำการมัดมือมัดเท้าและปิดตานำไปโยนในแม่น้ำ บางปะกงเพื่อหวังฆ่าให้ตาย แต่นายยืม สามารถเอาตัวรอดจนได้รับการช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาล และต่อมานายยืม ได้กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า นายอิสระ สมชัย เป็นผู้สั่งให้นำตัวนายยืม ไปโยนลงแม่น้ำ ซึ่งในชั้นการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ศาลจังหวัดฉะเชิงเทราก็ได้ออกหมายจับนายอิสระ กับพวกรวม 6 คน ในข้อหาพยายามฆ่า
ดังนั้น การที่ศาลได้ออกหมายจับนายอิสระ สมชัย กับพวกรวม 6 คนดังกล่าว จึงเป็นไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งกระบวนการยุติธรรมทางอาญาจะต้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างตรงไปตรงมา หาใช่การใส่ร้ายหรือกลั่นแกล้งใดๆ