"ต่อไปนี้ หากรัฐบาลจะทำอะไรก็น่าจะต้องไปขอตุลาการก่อน จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำแผนงานและทำเรื่องผ่านสภาฯ หรือไม่ก็ให้ตุลาการมาบริหารประเทศเลย และอยากให้ตุลาการได้ศึกษาการแข่งขันของประเทศต่างๆ ในโลกที่เปลี่ยนไปแล้ว หากประเทศไทยพัฒนาล่าช้าความสามารถแข่งขันของไทยจะสู้ประเทศอื่นไม่ได้" นายพิชัย ระบุ
อย่างไรก็ดี หากตั้งรัฐบาลใหม่แล้ว พรรคเพื่อไทยก็จะยังคงดำเนินโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานนี้ต่อไป โดยอาจจะต้องทำในงบประมาณปกติที่มีข้อจำกัดในจำนวนเงินที่จะกู้ได้ ทำให้การดำเนินการต้องล่าช้า และเสี่ยงกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในอนาคต ที่เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลก็อาจจะเปลี่ยนโครงการได้ เช่น โครงการรถไฟรางคู่ที่มีแผนงานเป็นสิบปีแล้วแต่ไม่มีการดำเนินการ และเป็นน่าสังเกตได้ว่าโครงการใดที่จะทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับความนิยมเพิ่มจะโดนขัดขวางเสมอ