"จะยึดความเห็นของคนส่วนหนึ่งหรือไปยึดความเห็นของคนที่บอกว่าตนเองเป็นคนดีนั้นไม่ได้ ต้องยึดหลักเกณฑ์กติกาบ้านเมือง ก็ขอให้อยู่ในกรอบนั้นด้วยถ้าไม่ยึดแบบนั้น หรือว่าทำเพราะเห็นแก่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้ว ผมมองว่าไม่ต้องทำดีกว่าเพราะยิ่งทำยิ่งแตกแยกมากขึ้นด้วยซ้ำไป ไม่มีประโยชน์"นายสมชาย กล่าว
ทั้งนี้ การปฏิรูปเป็นเรื่องที่ควรทำแต่อยากเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปดำเนินการเลือกตั้งให้มีสภาผู้แทนราษฎรเสียก่อน ให้เป็นสภาที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่สภาประชาชน หรือสภาที่ไปรวมกลุ่มกันริมถนน แบบนั้นไม่ใช่การปฏิรูป
"หลังเลือกตั้งจะมีการปฏิรูปแล้วค่อยเลือกตั้งใหม่ก็ว่ากันไป ขอให้ทำตามกติกาของรัฐธรรมนูญทำตามระบอบประชาธิปไตยเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่ายในประเทศนี้"
พร้อมระบุว่า ไม่ปฎิเสธว่าองค์กรอิสระจะต้องมีอยู่ แต่อยากขอวิงวอนให้ได้ฟังเสียงประชาชนบ้างและฟังให้รอบด้านในการทำงาน ไม่มีอคติต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ควรเป็นกลางอย่าเพิ่มความขัดแย้งด้วยการเลือกข้าง ก็คงจะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ด้วยฝีมือของท่านเอง
ส่วนกรณี กกต.เตรียมตรวจสอบผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกรายการช่อง 11 ว่าเข้าข่ายผิด พ.ร.ฎ.การเลือกตั้งหรือไม่ คงไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์ว่า กกต.ทำถูกหรือไม่ถูก แต่ในกรณีของตนนั้นได้รับเชิญให้ไปพูดในปัญหาและวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์บ้านเมืองในลักษณะให้ความเห็นส่วนตัวทางวิชาการ ทางกระบวนการยุติธรรมที่ตัดสินคดีออกมา ไม่ใช่ไปพูดในการหาเสียง เพราะรู้อยู่ว่าหาเสียงไม่ได้ คิดว่าคงจะได้รับความเป็นธรรมจากองค์กรอิสระ เพราะว่าไม่ได้ไปทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย