"การออกหมายจับในกรณีเช่นนี้จะแตกต่างจากการขอออกหมายจับชั้นสอบสวน แต่เป็นการขอออกหมายจับชั้นพนักงานอัยการ ซึ่งในข้อบังคับประธานศาลฎีกาถือว่าคำสั่งฟ้องของพนักงานอัยการเป็นหลักฐานตามสมควรว่าผู้ต้องหาน่าจะได้กระทำผิดอาญาแล้ว จึงเป็นเงื่อนไขที่ศาลจะออกหมายจับให้" นายธาริต กล่าว
นายธาริต กล่าวว่า การที่แกนนำ กปปส.ที่ถูกดำเนินคดีไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก จึงไม่เป็นผลดีต่อตัวผู้ต้องหาเลย ศอ.รส.จึงแนะนำพนักงานสอบสวนเปิดโอกาสแก่ผู้ต้องหาอีกครั้งหนึ่งด้วยการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนว่า หากผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำ กปปส.คนใดต้องการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อให้การต่อสู้คดี ขอให้ติดต่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ เลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ หมายเลขโทรศัพท์ 081 623 8410 เพื่อติดต่อนัดหมายก่อนที่จะมีการสรุปสำนวนการสอบสวนส่งให้พนักงานอัยการดังกล่าว ซึ่งการจะนัดหมายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาและต่อสู้คดีควรเป็นก่อนวันที่ 31 มี.ค.57 ส่วนคดีเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งอันเกิดจากการกระทำของแกนนำ กปปส. กับพวก เมื่อครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมาทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 194 คดี แยกเป็นคดีเกิดในกรุงเทพฯ จำนวน 51 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัดจำนวน 143 คดี ส่วนคดีเจ้าหน้าที่ กกต.จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น 178 คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพฯ จำนวน 66 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัดจำนวน 112 คดี รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น 372 คดี โดยศาลได้ออกหมายจับให้ 193 คน ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว 152 คน ทั้งนี้เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต.จงใจละทิ้ง ไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง 1,713 คน
นายธาริต กล่าวว่า ศอ.รส.จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้
"ศอ.รส.ขอย้ำเตือนว่า โทษที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการเลือกตั้ง เป็นความผิดอุกฉกรรจ์ที่มีทั้งโทษจำคุกและปรับ รวมถึงการตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ศอ.รส.จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามมิให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้" นายธาริต กล่าว
นายธาริต กล่าวว่า ศอ.รส.มีนโยบายในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นแกนนำ กปปส. หรือบุคคลอื่นใด ทั้งที่มีการออกหมายจับแล้วและกำลังจะออกหมายจับ โดยเจ้าพนักงานได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนอย่างเต็มที่เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะเห็นได้ว่าการดำเนินคดีต่างๆ มีความคืบหน้าไปมากในช่วงที่ผ่านมา เช่น กรณีที่พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ได้ควบคุมตัวกลุ่มผู้ชุมนุมกองทัพธรรมจำนวน 26 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป พร้อมสำนวนการสอบสวนและความเห็นสมควรสั่งฟ้อง จากเหตุการณ์บริเวณแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ ส่งให้อัยการพิจารณาสั่งคดีต่อไป หรือกรณีการจับกุมตัวนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือมือปืนป๊อปคอร์น ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร เป็นต้น โดยเฉพาะกรณีของมือปืนป๊อปคอร์นนั้น แสดงให้เห็นว่าการชุมนุมของ กปปส. มิได้เป็นการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธแต่อย่างใด
"ศอ.รส.จะได้กำกับดูแลและเร่งรัดให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยรอบคอบ รวดเร็ว และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เพื่อป้องปรามผู้ที่จะกระทำความผิด และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมาย มิให้เป็นเยี่ยงอย่างกับผู้ที่คิดจะกระทำความผิดในอนาคต" นายธาริต กล่าว