1. คำตัดสินมิชอบด้วยกฎหมายเพราะผู้ตรวจการแผ่นดินไม่มีอำนาจยื่นเรื่องให้ศาลชี้ว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ตามมาตรา 245 (1) เพราะมาตรานี้ให้ยื่นได้เฉพาะกฎหมายใดขัดกับรัฐธรรมนูญไม่ใช่ยื่นว่าการกระทำใดขัดรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเมื่อการยื่นมิชอบ ศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่มีอำนาจรับไว้พิจารณา
2. การตัดสินให้การเลือกตั้ง 2 กุมภาฯ เป็นโมฆะ เพราะการเลือกตั้งไม่เป็นวันเดียวทั้งประเทศ จะทำให้ในอนาคตใครอยากล้มเลือกตั้ง ก็ไปปิดล้อมไม่ให้สมัครได้ในเขตหนึ่งเขตใด ก็จะทำให้วันเลือกตั้งไม่เป็นวันเดียวทั้งประเทศ ทำให้การเลือกตั้งอีก 99 เปอร์เซ็นต์ทั้งประเทศ โดยคนหลายสิบล้านคนเป็นโมฆะทันที ซึ่งจะมีผลเสียมากมาย
3. กปปส.ร่วมมือกับนักการเมืองบางกลุ่ม ขัดขวางไม่ให้มีการสมัครรับเลือกตั้งได้ใน 28 เขต เพราะต้องการไม่ให้มีการเลือกตั้ง ดังนั้นการทำให้การเลือกตั้ง 2 กุมภาฯ เป็นโมฆะ จึงสมประโยชน์ กปปส.ที่เป็นผู้ขัดขวางการเลือกตั้งตั้งแต่ต้น ดังนั้นผลของคำตัดสินจึงขัดหลักการทางกฎหมายที่ว่า “ต้องไม่ให้อาชญากรได้กำไรจากอาชญากรรมของตน"
4. การตัดสินให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เท่ากับยินยอมให้คนไม่กี่คน สามารถทำลายการออกเสียงของคน 20 ล้านคน ที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั้งประเทศ หลักการที่ว่า “ผู้มาศาลต้องมาด้วยมือที่สะอาด" ถูกทำลายจากการที่เรายอมให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ด้วยเหตุที่เกิดจากการก่ออาชญากรรมของคนบางกลุ่ม
5. คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทั้งประเทศรู้สึกขมขื่นใจเป็นอย่างมาก เพิ่มเติมจากที่เคยได้อ่านคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ว่า การชุมนุมของ กปปส. เป็นการชุมนุมที่สงบและปราศจากอาวุธ
จึงขอถามศาลรัฐธรรมนูญว่า ท่านทราบข่าวเรื่องการจับกุมมือปืนป๊อปคอร์นซึ่งสารภาพว่าเป็นการ์ด กปปส. ที่ใช้อาวุธสงครามยิงในระหว่างชุมนุมหรือไม่
"ไม่เคยมีครั้งใดในประเทศไทย ที่คนจำนวนมากที่สุดต้องเสียสิทธิ์จากคนจำนวนน้อยที่สุด ที่ใช้ความรุนแรงมากที่สุด จากการยื่นเรื่องโดยวิธีที่ขัดกฎหมายอย่างชัดเจนที่สุด จนคนทั้งประเทศรู้สึกขมขื่นใจสุดๆ ตนขอเรียกร้องว่า พี่น้องที่รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม และเห็นว่าถูกรังแกอีกแล้ว ต้องอดทนต่อสู้ด้วยสันติวิธีและยึดมั่นในกติกาต่อไป เพราะเราต้องรักษาระบอบประชาธิปไตยไว้ให้ลูกหลาน และเชื่อว่าธรรมต้องชนะอธรรมในท้ายที่สุด"นายนพดลกล่าว