โดยตอนหนึ่งของหนังสือระบุว่า ประเทศไทยยังมีระบบพรรคการเมืองที่ขาดอุดมการณ์และนโยบาย ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน ไม่ใช่พรรคที่มีฐานมวลชน แต่เป็นกลุ่มธุรกิจการเมืองอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นหากจะมีการเลือกตั้งจะต้องออกแบบระบบที่สามารถจำกัดการใช้เงินมหาศาลในการซื้อเสียง ต้องออกแบบระบบคัดกรองคนดีสู่การเมือง ออกแบบระบบคัดกรองผู้สมัครให้มีประสิทธิภาพ ออกแบบเพื่อกำจัดระบบพรรคพวกบริวาร และออกแบบโดยเพิ่มการตรวจสอบ ถ่วงดุลและการมีส่วนร่วมของประชาชนให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังต้องออกแบบระบบที่ป้องกันการรุกคืบของกลุ่มทุนเข้ามามีอิทธิพลในพรรคการเมือง ซื้อพรรคทั้งทางตรงหรือทางอ้อม กำจัดระบบพรรคการเมืองทาส
ทั้งนี้ คปท.ยังมีข้อเสนอแนะ เช่น ผู้สมัครที่ได้รับเลือกแต่ละเขตจะต้องได้คะแนนมากกว่า 50% ของผู้มีสิทธิออกเสียงในเขตนั้นเพื่อประกันว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่, ให้ยกเลิกการบังคับสังกัดพรรค ส.ส.ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง, ผู้ทุจริตการเลือกตั้ง หากศาลวินิจฉัยว่ากระทำความผิดยุบพรรค ห้ามลงเลือกตั้งตลอดชีวิต, เพิ่มสัดส่วน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ, ปฏิรูประบบรัฐสภา, เสนอให้มีตัวแทนสภาประชาชนจังหวัด, กระจายอำนาจสู่องค์กรชุมชนท้องถิ่น เป็นต้น
ขณะที่นายอมร อมรรัตนานนท์ แกนนำ คปท.กล่าวว่า คปท.มาขอความร่วมมือ กกต.ในฐานะองค์กรอิสระที่มีศักดิ์ศรี ทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ ดังนั้น กกต.จึงไม่ควรทำหน้าที่แค่ตามกฎหมายหรือตามบัญญัติเท่านั้น แต่ยังต้องเรียนรู้ จุดแข็งจุดอ่อนการเมืองบ้าน ต้องพัฒนากฏหมาย และทำให้คนเข้าใจคำว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริง
"หาก 5 เสือ กกต.มีจิตสำนึก หากดึงดันเลือกตั้งไปตามที่รัฐบาลกำหนด ก็เท่ากับการผลาญงบประมาณ บทเรียนจากการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ กกต.ต้องแสดงความรับผิดชอบ คือ การลาออก และต้องไม่จัดการเลือกตั้งใหญ่ๆ ในช่วงนี้ ดังนั้น คปท.จึงต้องมาคัดค้าน และหากไม่แสดงความรับผิดชอบ ก็ต้องยืนฝั่งตรงข้ามประชาชน เราจะยุบ กกต.ก่อน ในวันที่ คปท. ปฏิรูปสำเร็จ" นายอมร กล่าว
หลังจากนั้นแกนนำ คปท.ได้ยื่นหนังสือต่อนายพินิจ หาญพาณิชย์ อธิบดีกรมที่ดิน โดยมีรองอธิบดีฯ เป็นตัวแทนออกมารับ โดยหนังสือดังกล่าวเป็นแนวทางการปฏิรูปที่ดินของ คปท. ซึ่งเป็นหนึ่งใน 7 แผนปฏิรูปประเทศไทย
โดยหนังสือระบุตอนหนึ่งว่า ข้อเสนอ คปท.เพื่อการปฏิรูปที่ดิน เนื่องจากที่ดินปัจจุบันประเทศไทย 120 ล้านไร่ กระจุกตัวอยู่กับคนส่วนน้อย ทำให้คนจำนวนมากขาดแคลนที่ทำกิน จนนำไปสู่การบุกรุกพื้นที่ของรัฐ เอกชน หรือป่าสงวน คปท.ได้เสนอแนวทางปฏิรูปที่ดิน ทั้งการแก้ไขเฉพาะหน้าและระยะยาวเพื่อลดความขัดแย้ง โดยต้องเปิดโอกาสเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินหรือที่ดินไม่เพียงพอ และประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทุกขั้นตอน เช่น ให้โอกาสสิทธิคนจนต้องคดีที่ดินเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูประบบข้อมูลที่ดินให้ทันสมัย ปฏิรูปการถือครองที่ดินเพื่อการเกษตร ปฏิรูประบบกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อการเกษตร
ทั้งนี้ จะต้องจัดระบบข้อมูลที่ดินเพื่อการปฏิรูปทั่วประเทศให้เป็นสาธารณะ กำหนดเขตการใช้ที่ดิน และแผนการใช้ที่ดินเพื่อการเกษตรขึ้นมาใหม่ คุ้มครองที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม กำหนดเพดานการถือครองที่ดินที่เหมาะสม ให้กรรมสิทธิ์ที่ดินในการทำเกษตรกับเกษตรกรที่ทำการเกษตรด้วยตัวเอง จัดตั้งธนาคารที่ดินให้แก่เกษตรรายย่อยและผู้ยากจน ออกแบบกฎหมายรับรองสิทธิชุมชน ปรับปรุงกฎหมายที่ดิน รวมทั้งออกกฎหมายใหม่ เช่น พ.ร.บ.โฉนดชุมชน พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน พ.ร.บ.ภาษีที่ดินก้าวหน้า และ พ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม เป็นต้น
และจุดที่สาม คปท เดินทางมายังกระทรวงพลังงาน เพื่อยื่นหนังสือแผนปฏิรูปพลังงาน แต่เมื่อไปถึงมีกำลังตำรวจมาตั้งแนวรับ ทางกลุ่ม คปท.จึงได้รื้อรวดหนาม และแท่งแบริเออร์ที่ปิดกั้นไว้ก่อนหน้านี้ออกแล้วเข้าไปยื่นหนังสือต่อผู้บริหารกระทรวงพลังงาน