"อาวุธปืนดังกล่าวถือเป็นอาวุธร้ายแรงที่สามารถนำมาดัดแปลงเป็นปืนซุ่มยิงเพื่อใช้ในการลอบสังหารได้ ซึ่ง ศอ.รส.จะได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจังต่อไป" นายธาริต กล่าว
นายธาริต กล่าวว่า ขณะนี้มีแนวโน้มว่าจะเกิดการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายต่างๆ จนอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุร้ายที่มีการใช้อาวุธปืนและระเบิดยิงเข้าไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในระยะหลังมานี้ และเมื่อคืนที่ผ่านมานี้ก็มีเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปในพื้นที่ชุมนุมถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่ง ศอ.รส.ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และพลเรือนฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบเหตุดังกล่าวโดยทันที
ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งอันเกิดจากการกระทำของแกนนำ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.)กับพวก เมื่อครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมา แยกเป็น คดี กปปส. ขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 191 คดี เป็นคดีเกิดในกรุงเทพฯ 51 คดี และเป็นคดีที่เกิดในต่างจังหวัด 140 คดี กับคดีเจ้าหน้าที่ กกต.จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้งรวมทั้งสิ้น 180 คดี เป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพฯ 66 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด 114 คดี โดยศาลได้ออกหมายจับแล้ว 201 คน ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว 226 คน เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต.จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง 1,713 คน
"ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐที่จงใจหลีกเลี่ยงไม่จัดการเลือกตั้งนั้น วันนี้ ศอ.รส.ได้รับการชี้แจงจากเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐว่า สำนักงาน ป.ป.ท.ได้รับรายละเอียดการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ท.จะได้ดำเนินการเร่งรัดไต่สวนข้อเท็จจริงในกรณีนี้เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป" นายธาริต กล่าว
ทั้งนี้ ศอ.รส.จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้
ส่วนการแก้ปัญหาสถานที่ราชการถูกกลุ่มผู้ชุมนุมปิดล้อมนั้น ศอ.รส.ร่วมกับส่วนราชการได้ดำเนินการเปิดสถานที่ราชการต่างๆ ที่ถูกปิดให้เริ่มเปิดทำการได้ถึง 67 แห่งแล้ว และขอร้องมวลชนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น กลุ่ม กปปส., กลุ่ม นปช. หรือกลุ่มอื่นใดให้งดเว้นการเข้าปิดล้อม ปิดกั้น และคุกคามการทำงานของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ ศาล และหน่วยงานต่างๆ เพราะเป็นการก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองอย่างมาก โดยเฉพาะการให้บริการประชาชนของหน่วยงานต่างๆ ก็จะต้องหยุดลง หรือเป็นโดยล่าช้าหรือเสียหาย อันเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมาย โดยหาได้เกิดประโยชน์กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเลย นอกจากนี้ ศอ.รส. ยังมีนโยบายให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับแกนนำกลุ่ม กปปส. หรือกลุ่มอื่นใดที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งศาลได้มีการออกหมายจับผู้กระทำผิดแล้วหลายราย และแม้ว่าการเข้าจับกุมผู้กระทำผิดอาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ทันที แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะไม่ละเลย และจะทำการจับกุมดำเนินคดีทันทีเมื่อมีโอกาสอันเหมาะสมว่าจะไม่เกิดการปะทะหรือสูญเสีย ซึ่งความผิดในเรื่องนี้มีอายุความอันยาวนาน