ทั้งนี้ ศอ.รส. ได้มอบหมายให้พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้ช่วยผู้อำนวยการ ศอ.รส. ไปจัดทำแผนร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารในการวางมาตรการรักษาความปลอดภัยร่วมกันสำหรับการชุมนุมในวันที่ 5 เม.ย.นี้ รวมทั้งปรับแผนการปฏิบัติรายวันที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ด้วย
"ศอ.รส. ขอร้องพี่น้องประชาชนให้งดเว้นการเข้าร่วมชุมนุม ไม่ว่ากับกลุ่ม กปปส. หรือกลุ่ม นปช. เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง ซึ่งขณะนี้มีรายงานว่าได้มีการชักชวนประชาชนจำนวนมากให้เข้าร่วมชุมนุมกับทั้งสองกลุ่ม"
ทาง ศอ.รส. ขอเรียกร้องไปยังแกนนำทั้งสองกลุ่มให้คำนึงถึงเหตุร้ายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ด้วย และเมื่อเกิดการกระทำผิดขึ้น แกนนำของผู้ชุมนุมทุกคนจะต้องรับผิด ทั้งทางอาญาและทางแพ่งอย่างแน่นอน
พร้อมกันนี้ ศอ.รส. ยืนยันว่า ศอ.รส. ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะปฏิบัติหน้าที่โดยการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ชุมนุมทั้งสองกลุ่มอย่างเท่าเทียม เพื่อป้องกันเหตุร้ายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น ดังเช่นเหตุเมื่อวานนี้ที่ผู้ชุมนุมกลุ่ม คปท. ถูกคนร้ายซุ่มยิง จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 4 รายและเสียชีวิต 1 คน โดย ศอ.รส. ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสืบสวนสอบสวนโดยเร็วและรอบคอบแล้ว นอกจากนี้ ศอ.รส. ได้รับรายงานว่า เมื่อวานนี้ คือวันที่ 1 เม.ย.2557 ได้มีกลุ่มประชาชนเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจท้องที่ต่างๆ และที่กองบังคับการปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับประธานศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 6 คน ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากกรณีที่มีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2557 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้ ยังมีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อผู้ตรวจการแผ่นดินรวม 3 คน ว่ากระทำผิดตามมาตรา 157 เช่นเดียวกันจากกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2557
ทั้งนี้ ศอ.รส. มีความเห็นว่า การเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความเห็นต่างของกลุ่มประชาชนที่ต้องการรักษาสิทธิ์ของตนในการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ และ ศอ.รส. ขอขอบคุณกลุ่มประชาชนดังกล่าวที่ได้เลือกแสดงออกอย่างสันติตามกรอบของกฎหมาย โดยไม่กระทำการอื่นใดด้วยวิธีการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศอ.รส. ได้รับทราบถึงกรณีที่สหภาพยุโรปได้มีแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย โดยแถลงการณ์ดังกล่าวได้เรียกร้องให้หน่วยงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการกำหนดกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ และประชาธิปไตยของประเทศไทย อีกทั้งยังได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในการเจรจาเพื่อหาทางออกและหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง โดยขอให้ดำเนินการให้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม
"จุดมุ่งหมายหลักของ ศอ.รส. คือการรักษาความสงบและเรียบร้อยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา เป็นธรรม และเสมอภาคต่อทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ศอ.รส. เพียงหน่วยงานเดียวคงมิอาจแก้ไขสถานการณ์ความขัดแย้งนี้ได้โดยลำพัง แต่จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนทุกท่านในการที่จะไม่ทำให้ความขัดแย้งต่างๆ รุนแรงขึ้น ทั้งนี้ ศอ.รส. เชื่อมั่นว่า การยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย และหลักนิธิธรรมและนิติรัฐ จะสามารถทำให้ปัญหาต่างๆ คลี่คลายลงได้โดยเร็ว ดังนั้น ศอ.รส. จะให้การสนับสนุนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตยต่อไป"
น.ส.สิริมา กล่าวต่อว่า วันนี้ผู้ต้องหาที่เป็นแกนนำ กปปส. รวม 5 คน ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและให้การต่อสู้คดี ได้แก่ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย นางนาถยา เบ็ญจศิริวรรณ นายทศพล เพ็งส้ม และ นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ซึ่งคณะพนักงานสอบสวน อันประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จาก 3 หน่วยงาน ได้แก่ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พนักงานอัยการ และพนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้ดำเนินการสอบสวนต่อไปตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย