"ฝ่ายที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังสถานการณ์ทั้งหมด เขาเชื่อกันเองว่าการชุมนุมของคุณสุเทพ นับวันจะเข้มแข็งขึ้น...และกลับกันเชื่อว่าคนเสื้อแดงอ่อนแอลงทุกที...เพราะฉะนั้นวันที่ 5 เม.ย.จึงเป็นวันที่เราจะเข้ามาใกล้กรุงเทพฯ ที่สุด ภายใต้สถานการณ์ไม่อยากเผชิญหน้า เพื่อให้คนเหล่านั้นได้เห็นของจริงว่ามันคืออะไร และจะได้ประเมินสถานการณ์ใหม่ เพราะขณะนี้เขามั่นใจว่าจะทำอะไรก็ได้อย่างที่คิด" นายณัฐวุฒิ กล่าว
พร้อมระบุว่า ช่วงหลังสงกรานต์ ทางกลุ่ม นปช.ประเมินกันไว้ว่าจะมีการนัดชุมนุมแสดงพลังใหญ่อีกครั้ง แต่ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการแน่ชัด โดยเหตุที่จำเป็นต้องนัดแสดงพลังครั้งใหญ่อีก เนื่องจากได้ประเมินสถานการณ์แล้วพบว่าองคาพยพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีนายกรัฐมนตรีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) , คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่กำลังพิจารณาคดีทุจริตจำนำข้าว ตลอดจนส.ว.สรรหา ที่ต่างกำลังเดินเกมโค่นล้มรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยมีเป้าหมายที่จะปิดเกมให้ได้ภายในเดือนเม.ย.นี้
"ป.ป.ช.บอกว่าพยานใหม่ 3 ปากที่นายกฯ เสนอเพื่อร้องขอความเป็นธรรม จะต้องมาให้การจบก่อนสงกรานต์ ส่วนศาลรัฐธรรมนูญพยายามจะมีคนตีไพ่ให้ว่าประเด็นข้อเท็จจริงไม่ต้องวินิจฉัยอะไรอีกแล้ว กรณีของนายถวิล...เราประเมินว่าช่วงหลังสงกรานต์ บรรดาองค์กรต่างๆ คงจะขยับเร็ว เพราะเป้าที่ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลพูดคุยกันที่เราทราบเป็นข้อมูลภายในคือ อยากจะให้ทั้งหมดจบภายในเดือนเม.ย." เลขาธิการ นปช.กล่าว
นายณัฐวุฒิ ระบุว่าตลอดที่ผ่านมาได้ประเมินการเคลื่อนไหวของนายสุเทพ และกลุ่ม กปปส.มาโดยตลอด ซึ่งเชื่อว่าการเคลื่อนไหวในขณะนี้ไม่มีผลอะไรกดดันต่อสถานการณ์แล้ว นอกจากผลกดดันตัวเอง ว่าจะเดินต่ออย่างไร หรือจะหาจุดลงอย่างไร
พร้อมกันนี้ ยังได้ฝากไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช.ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาตัดสินคดีของนายกรัฐมนตรี ทั้งในเรื่องการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี และคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวว่าขอให้คำนึงถึงความจริงของสถานการณ์ ถ้าหากมีความอยุติธรรมเกิดขึ้น ก็คงจะรับผิดชอบไม่ไหว
"ขอเรียนว่าหน่วยงานทั้งหลาย ท่านคำนึงถึงความจริงของสถานการณ์ อย่าไปทำอะไรเช่นนั้นเลย ถ้าความอยุติธรรมเกิดขึ้น ตัวท่านก็รับผิดชอบไม่ไหว" เลขาธิการ นปช.กล่าว