นายจาตุรันต์ กล่าวว่า การเข้าให้ปากคำต่อ กกต.ครั้งนี้ กลุ่มกรีนได้เตรียมหลักฐานเพิ่มเติม เป็นหนังสือสั่งการของนายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมการปกครอง ให้เผยแพร่คำแถลงของนายกรัฐมนตรี และยังเป็นผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายการเลือกตั้ง ถือเป็นคดีอาญาร้ายแรง อีกทั้งนายศิริพงษ์ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงข้าราชการระดับสูงสังกัดกระทรวงมหาดไทย มีหน้าที่ดูแลทุกอำเภอทุกตำบลทุกหมู่บ้าน แต่ขอบข่ายงานของนายศิริพงษ์มิได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องใดๆกับโครงการรับจำนำข้าว จึงเชื่อได้ว่าอธิบดีกรมการปกครองได้รับคำสั่งที่ไม่ชอบธรรมให้ใช้กลไกของรัฐผ่านกระทรวงมหาดไทย เพื่อช่วยเหลือให้เป็นคุณต่อพรรคเพื่อไทยให้มีคะแนนนิยมในการเลือกตั้งในขณะนั้น
"กลุ่มกรีนต้องการให้ กกต.ลงไปตรวจสอบเพิ่มเติมว่า อธิบดีกรมการปกครองได้รับคำสั่งนี้มาจากไหน และใครเป็นผู้สั่งการ เพราะรู้กันดีว่า รมว.มหาดไทย ก็เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเป็นหนึ่งในผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่ออีกด้วย" นายจาตุรันต์ กล่าว
ผู้ช่วยผู้ประสานงานกลุ่มกรีนยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมาเป็นโมฆะว่า แม้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ แต่การกระทำผิดกฏหมายเลือกตั้งถือเป็นคดีอาญา และมีความผิดร้ายแรงถึงขั้นยุบพรรคและตัดสิทธิ์ทางการเมือง ยังคงต้องมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป
ส่วนกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า จะฟ้องร้องตนเองฐานยื่นคำร้องให้ กกต.สอบกรณีข้างต้นนั้น นายจาตุรันต์ กล่าวว่า ตนเองใช้สิทธิ์ในฐานะประชาชนตามกฏหมายรัฐธรรมนูญในการยื่นขอตรวจสอบ เช่นเดียวที่นายพร้อมพงศ์ใช้สิทธิ์ยื่นตรวจสอบฝ่ายตรงข้ามมาเป็นร้อยๆครั้งแต่ไม่ได้ผล เพราะเป็นการกล่าวหาโดยปราศจากข้อเท็จจริง
"พรรคเพื่อไทยควรจะใจกว้าง เพราะหากไม่ได้ทำผิดจริง ก็ไม่ควรจะร้อนตัว อย่าเปิดประเด็นข่มขู่ประกาศฟ้องผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาล ควรนำเวลาเตรียมข้อมูลชี้แจงต่อ กกต. และทบทวนปัญหาเรื่องนโยบายที่สร้างปัญหาเป็นภาระต่อประเทศชาติอย่างโครงการรับจำนำข้าวดีกว่า" นายจาตุรันต์ กล่าว