"ในทฤษฎีของประเทศไทยที่ยึดถือกันมาคือคณะใดก็ตามแต่ยึดอำนาจรัฐ และครองอำนาจรัฐได้เด็ดขาด ไม่มีการต่อต้าน ก็ถือว่าเป็นรัฎฐาธิปัตย์ จะออกคำสั่ง จะออกประกาศใดๆก็ได้ เป็นตัวแทนขอรัฎฐาธิปัตย์ใหม่จะเข้าเฝ้าฯ เมื่อมีเหตุอันควรก็ได้" นายคำนูณ กล่าว
จากที่ติดตามการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. มาตลอด 5 เดือน มีการประกาศและอ่านแถลงการ์อยู่ 2-3 ครั้งแล้วก็เงียบหายไป โดยครั้งแรกที่ประกาศบนเวทีว่าถ้าเกิดสุญญากาศก็ให้วุฒิสภาทำหน้าที่ และต่อมาระยะที่ 2 ประกาศว่าจะตั้งรัฐบาลประชาชน สภาประชาชน และล่าสุดพูดถึงประเด็นการตั้งรัฎฐาธิปัตย์
"ถึงจะเกิดสุญญากาศ หรือเกิดวิกฤตยังไงก็ตาม ต้องยอมรับว่ามวลชนที่มาชุมนุมกับ กปปส.ไม่ใช่มวลชนกลุ่มเดียวในประเทศนี้ ยังมีอีกฝ่ายที่มีความคิดความเชื่อตรงข้ามกันอยู่ เพราะฉะนั้นต่อให้เกิดวิกฤตหรือสุญญากาศ แต่องค์กรของรัฐยังคงอยู่ อาจจะบางองค์กรและหลายองค์กร วุฒิสภายังคงอยู่ ศาล องค์กรอิสระยังคงอยู่ แม้กระทั่งรัฐบาลต่อให้มีคำวินิจฉัยของศาล ผมเชื่อว่า ครม.ที่ยังเหลืออยู่ยังจะยืนยันความชอบธรรมของตัวเองอยู่"
ขณะเดียวกันมวลชนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ กปปส.ก็ยังคงอยู่เช่นกัน เพราะฉะนั้นถ้าเกิดสถานการณ์เบื้องหน้าขึ้นมาแล้วจะทำให้มวลชน กปปส.สามารถครองอำนาจรัฐได้โดยเด็ดขาด หรือยึดอำนาจรัฐได้โดยเด็ดขาดในนามรัฎฐาธิปัตย์นั้น ในความเป็นจริงมันทำไม่ได้
"ในทางทฤษฎีประกาศได้ แต่ความเป็นจริงทำไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าทหารจะร่วมด้วย ซึ่งถ้าทหารจะเอาด้วยก็ต้องยึดอำนาจรัฐได้โดยเด็ดขาด เมื่อทำรัฐประหารเสร็จแล้วต้องไม่มีการต่อต้าน ยกเว้นทหารขัดแย้งกันเอง ฝ่ายที่ยึดอำนาจรัฐแต่ยึดได้ไม่สำเร็จเป็นกบฎไปก็มี"นายคำนูณ กล่าวในรายการโทรทัศน์
นายคำนูณ กล่าวต่อว่า ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าสิ่งที่นายสุเทพกำลังทำอาจจะเป็นการสร้างขวัญสร้างกำลังใจให้กับมวลชน สร้างความชอบธรรมให้กับแนวคิด หรือสิ่งที่กำลังกระทอยู่เพราะการชุมนุมที่ยาวนานจำเป็นต้องสร้างกำลังใจเพื่อให้ยืนหยัดการต่อสู้ต่อไป
"คิดว่ามีผู้ไม่เห็นด้วยพอสมควร อย่าว่าแต่คนภายนอก เชื่อว่าแม้แต่ในหมู่แกนนำ หรือคนที่ขึ้นเวทีกับสุเทพอย่างสม่ำเสมอ หลายคนก็ไม่ทราบว่านายสุเทพจะประกาศเช่นนี้ ซึ่งหลังจากประกาศไปแล้วก็มีความพยายามจะแก้ต่าง รวมถึงตัวนายสุเทพเองก็พยายามแก้ต่างคำพูดตัวเองหรือพยายามอธิบายแนวคิดของตัวเอง