นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการเข้าให้ปากคำต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในวันที่ 10 เม.ย.ว่า คงทำหน้าที่ให้ปากคำตามข้อเท็จจริงเพื่อปฏิเสธข้อกล่าวหา ส่วนการตัดสินใดๆ คงเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ทั้งนี้ เชื่อว่าหลักฐานข้อท็จจริงที่มีในมือจะชี้แจงป.ป.ช.ได้ครบถ้วน เพราะสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนและกฎหมาย
รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีข้าวในโครงการรับจำนำหายไปจากสต๊อกว่า ไม่เป็นความจริง เรื่องนี้มีการคณะกรรมการตรวจสอบสต๊อกข้าว คณะทำงาน และข้าวไม่ได้หายเพียงแต่เจ้าของไม่ได้ลงบัญชี ซึ่งการไม่ลงบัญชีทำให้ข้อมูล ข้อเท็จจริหายไป
"ข้อมูลเหล่านี้มีพยานหลักฐานที่จะชี้แจงต่อป.ป.ช.และมีคณะกรรมการยืนยัน...การไม่ลงบัญชี ทำให้ขาดทุนหลายหมื่นล้าน ส่วนการตีมูลค่าสต๊อกที่ระบุว่า ขาดทุน 2 แสนล้านบาท เตรียมชี้แจงว่าการตีมูลค่าสต๊อกมี 3 วิธี แต่อนุกรรมการป.ป.ช.เลือกวิธีที่ต่ำที่สุด ซึ่งแตกต่างจากวิธีอื่นๆ หากตีมูลค่าตรงกันการขาดทุนในแต่ละงวดไม่ได้มากอย่างที่คิด" รมว.พาณิชย์ กล่าว
ส่วนกรณีการจ่ายเงินชาวนานั้น นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า ที่ผ่านมาโครงการดำเนินโครงการมาแล้ว 2 ปี ไม่เคยมีปัญหา แต่ที่เพิ่งมามีปัญหาปีนี้เนื่องจากผลจากการเมือง ทำให้ไม่สามารถกู้เงินได้ ส่วนของงบกลางที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ 2 หมื่นล้านบาทนั้น ขณะนี้ทยอยจ่ายให้ชาวนาใกล้หมดแล้ว ซึ่งเงินที่ได้จากการขายข้าว จะทยอยคืนให้ครบในระยะเวลาที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนด