ทั้งนี้ นายสมชัยจะเป็นพยานในส่วนที่แก้ข้อกล่าวหาหักล้างคำให้การของ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ใช้พิจารณาคดีนี้ เพราะการปิดบัญชีโครงการฯ มีความเสี่ยงเป็นการนำเสนอข้อมูลนำไปสู่ความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ ส่งผลต่อการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล รวมทั้งเป็นพยานเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณมีความเหมาะสมดูแลโครงการ
ส่วนนายอำพน จะเป็นพยานในการแก้ข้อกล่าวหาหักล้างเกี่ยวกับมติคณะรัฐมนตรีในโครงการรับจำนำข้าว เพื่อแสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีไม่ได้ละเลย หรือละเว้นกระทำการ และไม่เกิดความเสียหายกับโครงการ เพื่อให้การไต่สวนฯ มีความสมบูรณ์มากขึ้น
"ที่ผ่านมาพยานบุคคลที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้อนุญาตสอบพยานเพิ่มเติมเป็นนักการเมืองทั้งหมด ไม่มีพยานบุคคลเป็นข้าราชการประจำที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครบถ้วนและสมบูรณ์ในการชี้แจงและแก้ข้อกล่าวหา"นายนรวิชญ์ กล่าว
นอกจากนี้ ทีมทนายความกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน มติต่างๆของป.ป.ช. เตรียมฟ้อง ศาลอาญา ฐานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ประกอบ ข้อ 29 ตามประมวลจริยธรรม ป.ป.ช. ว่าด้วยการแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐาน ที่ ป.ป.ช.ต้องรวบรวมพยานหลักฐานที่อาจพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา เมื่อนายกรัฐมนตรียื่นเอกสารแล้ว โดยย้ำว่าการเพิ่มพยานไม่ได้ต้องการประวิงเวลาการไต่สวนหรือ ข่มขู่ ป.ป.ช.แต่อยากให้ทบทวนการเพิ่มพยานเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและใช้ดุลยพินิจโดยสุจริต