นอกจากนี้ ศอ.รส. ได้กำชับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทำการติดตามพฤติกรรมของบุคคลต่างๆ โดยเฉพาะการเผยแพร่ข้อความทางโซเชียลมีเดีย หากตรวจพบว่ามีการกระทำผิดเกี่ยวกับสถาบัน ศอ.รส.จะได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการปิดกั้นทันที แล้วจับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทุกรายโดยไม่มีการละเว้น
พร้อมกันนั้น ศอ.รส. ขอเตือนว่าการเผยแพร่หรือส่งต่อคลิปวีดิโอดังกล่าวอาจถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี นอกจากนี้ยังอาจถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ด้วย
ศอ.รส.ยังได้รับรายงานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษว่าในการดำเนินคดีพิเศษกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. รวม 58 ราย ที่ถูกดำเนินคดีฐานร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง และความผิดฐานอื่น ๆ ที่ต่อเนื่องหรือเกี่ยวพันกัน คือ ความผิดเกี่ยวกับการขัดขวางการเลือกตั้ง และการบุกรุกสถานที่ราชการนั้น บัดนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับมอบสำนวนการสอบสวนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติในความผิดฐานขัดขวางการเลือกตั้งและบุกรุกสถานที่ราชการครบถ้วนทุกสำนวนแล้ว
ทั้งนี้ คาดว่าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งประกอบด้วยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ พนักงานอัยการ และพนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะสรุปสำนวนคดีดังกล่าวส่งไปยังพนักงานอัยการได้ภายในวันที่ 30 เมษายนนี้ ทั้งนี้ นอกเหนือจากผู้ต้องหาซึ่งเป็นแกนนำ กปปส. จำนวน 58 รายแล้ว จะมีผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอีก 22 ราย รวมเป็นทั้งหมด 80 ราย โดยจะใช้วิธีสรุปสำนวนเพิ่มเติมในภายหลังเป็นอีกสำนวนหนึ่ง
ศอ.รส. ได้รับรายงานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ณ วันที่ 11 เมษายน 2557 ว่า คดีที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามกฎหมายเลือกตั้งอันเกิดจากการกระทำของแกนนำ กปปส. กับพวก เมื่อครั้งการเลือกตั้งที่ผ่านมา มีดังนี้ คดี กปปส. ขัดขวางการเลือกตั้งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 191 คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน 51 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด จำนวน 140 คดี
ส่วนคดีเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้ง รวมทั้งสิ้น 180 คดี แยกเป็นคดีที่เกิดในกรุงเทพมหานคร จำนวน 66 คดี และคดีที่เกิดในต่างจังหวัด จำนวน 114 คดี รวมคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งทั้งสิ้น 371 คดี โดยศาลได้ออกหมายจับให้ รวมทั้งสิ้น 203 หมาย ได้ตัวมาสอบสวนแล้ว 258 คน ทั้งนี้เฉพาะเจ้าหน้าที่ กกต. จงใจละทิ้งไม่จัดการเลือกตั้งมีจำนวนถึง 1,713 คน
ศอ.รส. จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้ ทั้งนี้ ศอ.รส.ขอย้ำเตือนว่า ความผิดที่เกี่ยวข้องกับการขัดขวางการเลือกตั้งเป็นความผิดอุกฉกรรจ์ที่มีทั้งโทษจำคุกและปรับ รวมถึงการตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา ๕ ปี ตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ศอ.รส.จะติดตามและกำชับการดำเนินคดีอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปโดยเคร่งครัด และป้องปรามมิให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคตนี้
เรื่องสุดท้ายคือในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ศอ.รส. จะมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและทหาร เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยตามเดิม และป้องกันเหตุแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น แม้ว่าแกนนำกลุ่มต่างๆ ได้ประกาศว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในช่วงสงกรานต์ก็ตาม
สำหรับเหตุร้ายเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ในช่วงที่ผ่านมานี้ ศอ.รส. ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามกฎหมายแล้ว ซึ่งรวมถึงเหตุที่เกิดระเบิดขึ้นบริเวณบังเกอร์ของการ์ดผู้ชุมนุม กปปส. ที่ถนนแจ้งวัฒนะเมื่อคืนที่ผ่านมา ทั้งนี้ ศอ.รส. จะได้มีการประชุมประเมินผลการปฏิบัติในห้วงที่ผ่านมา แล้วปรับแผนการปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย