ส่วนที่ กปปส.มีความเป็นห่วงว่าข้อเสนอของนายชัยเกษมจะเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจนั้น นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ทุกวิธียังมีข้อถกเถียง จึงย้ำว่าควรปฏิบัติตามขั้นตอนกฏหมายจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
"เรื่องมาตรา 7 เป็นความเห็นจากหลายส่วน ในแง่ของข้อกฏหมายยังมีความเห็นที่แตกต่าง ก็คงต้องรอให้มีความชัดเจน อย่างไรก็ตามอะไรที่จะดำเนินการ ก็ต้องให้เป็นไปตามบทบัญญิติของรัฐธรรมนูญ ส่วนที่มองว่าจะเป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ จริงๆ แล้วไม่ว่าจะวิธีไหนก็มีข้อถกเถียงกันทั้งนั้น ถ้าเราปฏิบัติตามขั้นตอนของกฏหมายน่าจะดีกว่า" นายกรัฐมนตรีกล่าว
ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาสถานภาพความเป็นรัฐมนตรี ในกรณีการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้มีการชี้แจงไปแล้วบางส่วน แต่ก็อยากให้มีการขยายเวลา จึงมอบให้ทนายความยื่นเอกสารเพิ่มเติม ทั้งการขอขยายเวลาและการสืบพยานเพิ่มเติม ซึ่งคงต้องรอผลการพิจารณาในวันที่ 23 เม.ย.นี้
ด้านข้อกังวลของ ศอ.รส.ว่าหากศาลรัฐธรรมนูญ หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) มีคำตัดสินไปทางใดทางหนึ่ง จะเกิดการเผชิญหน้าของกลุ่มที่ขัดแย้งทางการเมืองนั้น นายกรัฐมนตรี เห็นว่า เป็นการมองด้านความมั่นคงเป็นหลัก ที่ไม่อยากให้เกิดความไม่สงบ เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติ พร้อมระบุว่า รัฐบาลยังไม่ได้เตรียมทางออก หากตนไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ และเชื่อว่าจะไม่เกิดสูญญากาศทางการเมือง เพราะตามขั้นตอนจะมีรองนายกรัฐมนตรีมาทำหน้าที่รักษาการอยู่แล้ว
ส่วนการขอเปิดประชุมวุฒิสภานั้น ได้มอบหมายให้คณะกรรมการกฤษฎีกา เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และเลขาธิการวุฒิสภา ไปหารือร่วมกัน ก่อนนำข้อสรุปมาเสนออีกครั้ง