"ศอ.รส. ไม่มีความขัดแย้งกับทั้งสองหน่วยงานดังกล่าว โดย ศอ.รส.มีสิทธิที่จะออกแถลงการณ์บอก ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญว่า ศอ.รส.มีความห่วงใยจากการข่าวที่ว่ามีความพยายามที่จะตัดสินเกินบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ส่วนที่บอกว่าทั้งสองหน่วยงานมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม ตนก็ต้องขอขอบคุณ และขอให้มีความบริสุทธิ์ยุติธรรมจริง ๆ เรื่องจะได้ไม่เกิด ตนเรียนกฎหมายมหาชน นักวิชาการก็บอกว่าทันทีที่ยุบสภาฯ นายกรัฐมนตรีแค่อยู่ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ แต่มีความพยายามบอกว่านายกฯ อยู่ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ต้องออกไปเลย และมีการร้องว่าเมื่อนายกฯ ออก ก็ให้คณะรัฐมนตรีพ้นจากหน้าที่ทั้งคณะ ซึ่งตนก็ได้บอกว่าหากทำถึงขนาดนั้นจะเกิดการนองเลือด" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
พร้อมยืนยันว่า การออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 ของ ศอ.รส. ไม่ได้เป็นการก้าวล่วงอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ และเป็นการดำเนินการที่ไม่เกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของ ศอ.รส.
ผอ.ศอ.รส. กล่าวด้วยว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไปตัดสิน แล้วบอกว่านายกฯ ออก และให้คณะรัฐมนตรีออกทั้งคณะ จะเกินบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ จะเกิดการนองเลือด เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 181 ยังอยู่ คนทั้งประเทศที่หนุนพรรคเพื่อไทยและเห็นความไม่เป็นธรรมจะไม่ยอม ซึ่งตนก็มีความห่วงใยจะพยายามไม่ให้เกิดการปะทะ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญยึดหลักบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญให้ถูกต้อง ตรงไปตรงมาเท่านั้น แต่ยากต่อการเดาใจศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนกรณีที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนและกรรมการ กปปส. กล่าวอ้างว่าจะนำการออกแถลงการณ์ดังกล่าวของ ศอ.รส. ไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทยนั้น ผอ.ศอ.รส. กล่าวว่า ทำได้แต่จะไม่ยุบพรรค ผมไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคหรือรองหัวหน้าพรรค ถ้าจะผิดก็ต้องเฉพาะตนเอง