สำหรับสาเหตุที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เดินทางมาร่วมประชุมโดยให้เหตุผลกับ กกต.ถึงความไม่ปลอดภัยจากที่ได้รับข้อมูลในเชิงลึกนั้น นายสมชัย กล่าวว่า ในส่วนของ กกต.เองก็ได้รับทราบข้อมูลในลักษณะคล้ายคลังกัน ซึ่งมีการข่าวจากหลายสายแจ้งเข้ามาให้ทราบ โดยเกรงว่าหลังจากเปิดประชุมแล้วจะมีเหตุรุนแรงอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น
ดังนั้นหลังจากที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์โทรศัพท์มาแจ้ง ตนก็ได้เรียนให้ประธานกกต.รับทราบแล้ว ซึ่งต่างก็เห็นตรงกันว่าถ้าเดินทางมาร่วมประชุมแล้วจะเกิดความไม่ปลอดภัยก็ไม่ควรเดินทางมา เพราะกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องความปลอดภัยของนายอภิสิทธิ์ เพียงคนเดียว แต่หมายถึงส่วนรวมด้วย อีกทั้งหากการข่าวที่ออกมาดูแล้วไม่ค่อยดีนัก ทุกคนก็มีสิทธิที่จะคำนึงความปลอดภัยของตัวเอง
"คุณอภิสิทธิ์โทรมาปรึกษาผม ผมก็เรียนปรึกษาประธาน กกต. ก็เห็นตรงกันว่าอย่ามาดีกว่า เพราะถ้ามาแล้ว มันไม่ใช่เรื่องของคุณอภิสิทธิ์คนเดียว อาจจะทำให้ที่ประชุมไม่สามารถประชุมจนเสร็จได้ ก็อาจจะเกิดการปั่นป่วนขึ้น ดังนั้นจึงออกมาเป็นความเห็นร่วมกันว่าประชาธิปัตย์ไม่มาก็ไม่เป็นไร โอกาสหลังยังนัดคุยกันได้" นายสมชัย กล่าวในรายการโทรทัศน์เช้านี้
นายสมชัย ยอมรับว่า ระบบการรักษาความปลอดภัยในการประชุมวานนี้อาจจะทำได้ไม่ดีนัก เพราะคนที่ไม่ใช่ตัวแทนพรรคการเมืองยังสามารถเข้ามาในที่ประชุมและเสนอความเห็นต่อที่ประชุมได้ ส่วนกรณีที่จะมีเหตุระเบิดพลีชีพตามที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ข้อมูลมานั้น เชื่อว่าคงจะไม่สามารถทำได้ เพราะมีเจ้าหน้าที่จากหน่วย EOD เข้ามาดูแลและแสกนวัตถุระเบิดแก่ผู้ที่เข้าร่วมประชุมทุกคน
"ประเด็นระเบิดต่างๆ คงเป็นไปได้ยาก เพราะมีการตรวจอย่างละเอียดกับผู้ที่เข้ามาในโรงแรมทุกคน แต่รูปแบบที่จะมีการชุลมุนหรือทำร้ายกันมันมีโอกาสเป็นไปได้ เช่น การกันคนให้อยู่ห่างไกลจากบุคคลสำคัญยังทำได้ยาก สะท้อนว่าระบบรักษาความปลอดภัยยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร" นายสมชัย กล่าว
ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เล่าถึงเหตุการณ์ที่ไม่สามารถเดินทางเข้าไปร่วมประชุมระหว่าง กกต.กับพรรคการเมืองได้ว่า รถยนต์ได้ถูกสกัดที่บริเวณโลคัลโรด ซึ่งได้ตนได้คุยโทรศัพท์กับนายสมชัย กกต.แล้ว นายสมชัย บอกว่าเพื่อความปลอดภัยก็ให้เดินทางกลับดีกว่า ซึ่งในขณะนั้นพรรคชาติไทยพัฒนามีตัวแทนที่อยู่ในห้องประชุมแล้วคือนายนิกร จำนงค์
"ระหว่างที่รถผมโดนสกัดอยู่ คุณสมชัย กกต.โทรมาพอดี ก็เลยเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง...คุณสมชัย บอกว่าถ้าเช่นนั้นเพื่อความปลอดภัย ก็ให้กลับไปก็ได้ ผมจึงบอกให้คนขับกลับรถ เพระไม่มั่นใจว่าจะไปเจอเหตุการณ์อะไรข้างหน้า" นายสมศักดิ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า หากสามารถเข้าไปร่วมประชุมได้ คงจะนำเสนอแนวคิดต่อที่ประชุมว่าไม่อยากให้ทุกฝ่ายติดกับดักกรณีว่าพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งไม่ลงเลือกตั้ง และกรณีที่มีกลุ่มมาขัดขวางกระบวนการเลือกตั้ง แล้วจะทำให้การเลือกตั้งเดินหน้าไปไม่ได้ โดยเห็นว่าต้องแยกแยะให้ออก เพราะอยากให้ยึดมั่นในความถูกต้องของกระบวนการในระบอบประชาธิปไตยเป็นหลักมากกว่า
"ไม่อยากให้ติดกับกับดักว่ามีพรรคการเมือง 70 พรรค และมีพรรคไหนลง หรือไม่ลง อย่าไปติดใจว่าจะมีกลุ่มไหนมาขัดขวางการเลือกตั้ง ตั้งแต่ขั้นตอนการรับสมัครจนถึงการลงคะแนนเสียง เพราะถ้าเราติดกับดักอยู่ตรงนี้ มันไปไม่ได้แน่ ผมอยากให้แยกว่า ระหว่างการดำเนินการไปตามกระบวนการระบอบประชาธิปไตย กับปัญหาเรื่องความขัดแย้ง และการขัดขวางการเลือกตั้ง เราต้องแยก เพราะถ้าเอา 2 เรื่องนี้มาผูกกันสังคมจะไปไม่ได้" นายสมศักดิ์ กล่าว
พร้อมเชื่อว่า ทุกฝ่ายมีความเห็นตรงกันว่าขณะนี้จำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปประเทศไทย เพราะขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้แล้ว เพียงแต่การปฏิรูปจะต้องดำเนินการไปภายใต้กลไกของระบอบประชาธิปไตย เพราะขณะนี้การดำเนินการต่างๆ ยังต้องอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญปี 50
"หากเราต้องการจะขับเคลื่อนปัญหา เราต้องแยกประเด็น ทำกลไกของระบอบประชาธิปไตยให้ครบ หลังจากนั้นรีบคืนอำนาจกลับตามที่คุยไว้ คือทำพิมพ์เขียวมา สภาฯ เร่งเปิด คุยกันในพรรคการเมืองว่านี่เป็นการเลือกตั้งในสถานการณ์ไม่ปกติ ว่าไม่เกิน 1 ปีหรืออย่างช้า 1 ปีครึ่งที่องคาพยพของระบอบจะครบ แล้วรีบคืนอำนาจ กลับไปสู่โหมดกระบวนการนับหนึ่งประเทศไทยใหม่" ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าว