ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเห็นว่า กกต.ควรดำเนินการให้เร็วกว่าระยะเวลา 90 วัน ตามที่พรรคการเมืองได้เสนอกรอบระยะเวลา 45-60 วันหลังประชุมหารือ เพราะทางออกและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของประเทศไทย คือการเลือกตั้ง ถ้าหากล่าช้าก็จะกระทบถึงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของประเทศ
"อยากให้ กกต.แสดงความจริงใจ โดยขอให้กำหนดวันเลือกตั้งให้เร็วกว่ากรอบแรก เพราะต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ความเดือดร้อนของประชาชน รวมถึงการการจัดทำงบประมาณประจำปีด้วย กกต.ต้องพิจารณาเร่งกรอบเวลาให้เร็วขึ้น ตามกรอบที่พรรคการเมืองส่วนใหญ่เห็นรต่วมกัน ซึ่งหากเร่งการออก พรฎ.ขึ้นมา 2-3 สัปดาห์ เชื่อว่าประชาชนจะชื่นชม วันนี้พรรคเพื่อไทยเชื่อว่า ทางออกของประเทศคือการเลือกตั้งและของฟังเสียงประชาชน จัดการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จเพื่อให้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่มารับหน้าที่ต่อโดยเร็วที่สุด" โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ไม่ได้เข้าร่วมประชุมกับ กกต. และพรรคการเมือง โดยอ้างเรื่องความปลอดภัย และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่ามีการนำอาวุธเข้าพื้นที่การประชุมเพื่อหวังก่อเหตุสังหารนายอภิสิทธิ์นั้น โฆษกพรรคเพื่อไทย เห็นว่า การกล่าวอ้างเช่นนี้เป็นการจินตนาการเกินกว่าความเป็นจริง
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการที่นายอภิสิทธิ์ ตัดสินใจไม่เข้าร่วมประชุมในนาที สุดท้ายเป็นเพราะได้รับคำสั่งมาจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.หรือไม่ โดยมีการสร้างเงื่อนไขอ้างความไม่ปลอดภัยโดยใช้มวลชน กปปส.แจ้งวัฒนะ ที่นำโดยหลวงปู่พุทธะอิสระ มาชุมนุมคัดค้านหน้าทางเข้าโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่จัดประชุม เพราะถ้าหากเป็นจริงนายอภิสิทธิ์ ควรออกมาชี้แจงต่อสังคม
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การกำหนดกรอบวันเลือกตั้งไว้ 3 กรอบ โดยเร็วที่สุด คือ วันที่ 20 ก.ค.นั้นไม่ตรงกับความเห็นของบรรดา 53 พรรคการเมือง เป็นกรอบเวลาที่นานเกินไป ยิ่งดึงเวลาเลือกตั้งยาวนานออกไป ความเสียหายก็จะเกิดกับประเทศชาติมากเท่านั้น
"กรอบวันเลือกตั้งของกกต.ที่เร็วที่สุด ควรมีในใจเพื่อไปเสนอกับสังคม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในการทำหน้าที่ กกต.ไม่ใช่ประชุมอย่าง สรุปอย่าง แถลงอีกอย่าง เป็นไม้หลักปักเลน"