ทั้งนี้ ศาลอาญาได้ออกหมายจับนายสุเทพ กับพวกในข้อหาฐานความผิดร่วมกันเป็นกบฏดังกล่าว พร้อมแกนนำอื่นๆ รวมทั้งสิ้นถึง 80 คน อาทิ นายสุเทพ, นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายชุมพล จุลใส , นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์, นายอิสสระ สมชัย, นายวิทยา แก้วภราดัย, นายถาวร เสนเนียม, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์, นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก, นายนิติธร ล้ำเหลือ, นายอุทัย ยอดมณี ,นายถวิล เปลี่ยนศรี, พระพุทธะอิสระ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องหาบางคนมีข้อหาฐานความผิดเพิ่มเติมเฉพาะตัวอีกด้วย เช่น นายอิสสระ ในข้อหาฐานความผิดพยายามฆ่า เป็นต้น ซึ่งได้มีผู้ต้องหาถูกจับกุมแล้ว 2 คน และเข้ามอบตัวอีกจำนวน 6 คน
ขณะนี้การสอบสวนในคดีพิเศษดังกล่าวได้เสร็จสิ้นแล้ว คณะพนักงานสอบสวนจึงได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกคนตั้งแต่นายสุเทพ กับพวกที่เป็นแกนนำ กปปส.ตามข้อหาฐานความผิดดังกล่าว โดยกำหนดส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นไปยังพนักงานอัยการในวันที่ 1 พ.ค.57 คาดว่าพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษจะได้มีคำสั่งทางคดีและฟ้องผู้กระทำผิดได้ภายในวันที่ 10 พ.ค.57 อันเป็นวันครบกำหนดฝากขังครั้งสุดท้ายของผู้ต้องหาบางคน หากผู้ต้องหาคนใดที่ยังไม่เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนก็จะได้ขอออกหมายจับหลังจากพนักงานอัยการได้มีคำสั่งควรสั่งฟ้องดังกล่าว
ศอ.รส. ขอแจ้งเตือนประชาชนว่าการอภิปราย ชักจูง หรือปราศรัยชวนเชื่อของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก อยู่ในขณะนี้ เป็นความพยายามของผู้ต้องหาที่มุ่งหวังกระทำการทั้งหลายทั้งปวง เพื่อตัวเองและพวกพ้องที่ต้องหาว่ากระทำความผิด และมีหมายจับในฐานร่วมกันเป็นกบฏจากศาล จึงขอให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลของนายสุเทพ กับแกนนำ กปปส.และไม่หลงเชื่อที่จะมีการชักชวนให้ร่วมเข้าชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 30 เม.ย.ซึ่งการเข้าร่วมชุมนุมนั้น นอกจากอาจเป็นผู้ร่วมกระทำผิดตามกฎหมายแล้วยังอาจได้รับอันตรายตามที่ได้ปรากฏเป็นข่าวอย่างต่อเนื่องมาด้วย
ศอ.รส. ยืนยันว่า จะได้เร่งรัดให้มีการจับกุมดำเนินคดีกับนายสุเทพกับพวกอย่างเร่งรีบต่อไป โดยคำนึงถึงความสูญเสียของเจ้าหน้าที่และประชาชนด้วย เพราะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก มีการ์ด กปปส. ห้อมล้อมด้วยอาวุธร้ายแรงต่างๆ ดังเป็นที่ทราบกันอยู่ และศอ.รส. มิได้มุ่งหมายดำเนินคดีกับแกนนำเฉพาะ กปปส.เท่านั้น แต่ได้กำชับให้มีการดำเนินคดีกับแกนนำผู้กระทำผิดในทุกๆ กลุ่มด้วย