กล่าวคือ กำแพงชั้นที่ 1 แกนนำพรรคประชาธิปัตย์หลายคนลาออกไปตั้ง กปปส. ชั้นที่ 2 พรรคประชาธิปัตย์สั่งให้ ส.ส.ลาออกทั้งสภาฯ ชั้นที่ 3 พรรคประชาธิปัตย์ประกาศบอยคอตการเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 10 ปี ชั้นที่ 4 กปปส.ภายใต้การนำของอดีตเลขาฯ พรรคประชาธิปัตย์ขัดขวางการเลือกตั้งจนทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ และกำแพงชั้นที่ 5 พรรคประชาธิปัตย์อาจบอยคอตการเลือกตั้งครั้งที่ 3
นายนพดล กล่าวว่า ที่บ้านเมืองมาถึงจุดวิกฤตที่สุดในขณะนี้ นายอภิสิทธิ์ อาจสำนึกและเห็นว่าแนวทางของ กปปส.และการบอยคอตการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ไปไม่ได้และถึงทางตัน ความตั้งใจให้เกิดสูญญากาศทางการเมืองทำให้พวกตนอาจขาดอากาศหายใจเสียเอง
"การกลับใจแก้ไขของนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ในครั้งนี้ ก็ต้องรอดูว่าจะทำอย่างไร หวังว่าคงไม่เป็นการสร้างภาพ หรือเล่นสองหน้า" นายนพดล ระบุ
พร้อมเห็นว่า ในความเห็นส่วนตัวแล้วเห็นว่าทางออกของประเทศจากกำแพง 5 ชั้นที่นายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ สร้างขึ้นนั้นง่ายนิดเดียว คือใช้กุญแจ 5 ดอก ดอกที่ 1 การเดินหน้าเลือกตั้ง ดอกที่ 2 ทุกพรรคเสนอแนวทางปฏิรูปให้ประชาชนพิจารณาก่อนเลือกตั้ง ดอกที่ 3 หลังเลือกตั้งให้มีสภาปฎิรูป ดอกที่ 4 รัฐบาลใหม่เป็นรัฐบาลปฏิรูปอยู่ในวาระ 6-12 เดือน แล้วยุบสภาเลือกตั้งใหม่ และกุญแจดอกที่ 5 ถ้ามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายประเด็น ให้ทำประชามติโดยคนทั้งประเทศ ดังนั้นหวังว่าแนวทางของนายอภิสิทธิ์ จะยึดมั่นในกติกาจะยึดมั่นประชาธิปไตยและเคารพการตัดสินใจของประชาชน
นายนพดล กล่าวต่อว่า ส่วนข้อเสนอของคณะรัฐบุคคลที่เสนอให้ท่านรัฐบุรุษกราบบังคมทูลเพื่อให้มีพระบรมราชวินิจฉัยนั้น ทำให้เห็นว่าตอนนี้ประเทศไทยมีวิกฤตเศรษฐกิจและการเมืองจริง และทุกคนอยากหาทางออก แต่ตนเห็นว่าข้อเสนอของคณะรัฐบุคคลนั้นไม่ตรงจุดและอยู่นอกบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และไม่ควรกระทำการใดที่เป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท พล.อ.สายหยุด เกิดผล ซึ่งเคยเป็นประธานพีเน็ต ครั้งก่อนเคยช่วยดูแลการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์และเที่ยงธรรม น่าจะแสดงความศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย และสนับสนุนการเลือกตั้ง และแทนที่จะเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่
"คณะรัฐบุคคลควรไปเรียกร้องให้ กกต.รีบจัดการเลือกตั้ง ให้พรรคประชาธิปัตย์ลงเลือกตั้ง และให้ กปปส. อย่าขัดขวางการเลือกตั้งเพื่อให้ประชาชนตัดสินอนาคตของประเทศ และออกจากวงจรความขัดแย้งโดยสันติวิธีจะดีกว่า" นายนพดล กล่าว