เนื้อหาในหนังสือของ สตง.ระบุว่า ได้รับแจ้งจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าได้แจ้งให้นายกรัฐมนตรีกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ แต่เมื่อยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงวันเลือกตั้งใหม่ กกต.ก็ต้องดำเนินการจัดการเลือกตั้งต่อไปก่อนที่ กกต.จะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าสามารถกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปขึ้นใหม่ได้หรือไม่ และเป็นอำนาจของนายกฯ หรือ กกต. ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าสามารถกระทำได้โดยเป็นอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันของนายกฯ และประธาน กกต. แต่ข้อเท็จจริงปรากฎว่ามีการดำเนินการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. จนกระทั่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยในภายหลังว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ครบทุกเขตในวันเดียวกัน
"จากการที่ สตง.ได้เคยแสดงความกังวลและห่วงใยต่อการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินในการจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 ก.พ.57 (วงเงิน 3,885 ล้านบาท) ว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดความสูญเปล่า ภายใต้สถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยในการจัดการเลือกตั้ง เช่น การจัดตั้งศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ตามประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในระหว่างการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งภายหลังเป็นศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรจนถึงปัจจุบัน ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดการเลือกตั้งของ กกต.และค่าใช้จ่ายของหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจที่สนับสนุนของกกต.จำนวน 18 หน่วยเกิดความสูญเปล่าที่สูญเสียไป"
ดังนั้น การใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินเพื่อดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งต่อไป รัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบจะต้องกำหนดมาตรการ หรือวิธีการปฏิบัติในแต่ละขั้นตอนให้เกิดความเชื่อมั่นได้ว่าการเลือกตั้งจะบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ หากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมหรือกำหนดให้มีการเลือกตั้งภายใต้สถานการณ์ดังเช่นที่ผ่านมา จนส่งผลให้การเลือกตั้งไม่สำเร็จตามวัตถุประสงค์ รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และหากผลเป็นประการใดโปรดแจ้งให้ สตง.ทราบเพื่อประกอบการตรวจสอบตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542