ทั้งนี้ พนักงานอัยการได้ส่งฟ้องคดีแกนนำที่มีตัวอยู่ในอำนาจของศาลแล้ว 2 คน คือ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม และนายสกลธี ภัททิยกุล ส่วนแกนนำคนอื่นๆ จะได้ดำเนินการออกหมายจับเพื่อนำตัวมาส่งฟ้องโดยเร็วต่อไป
สำหรับฐานความผิดที่พนักงานอัยการส่งฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับแกนนำ กปปส. ชุดที่ 1 ทั้ง 51 คนนั้น มีทั้งสิ้น 9 ฐานความผิด แต่สำหรับนายสุเทพ และนายชุมพล จุลใส พนักงานอัยการได้สั่งฟ้องในฐานความผิดร่วมกันก่อการร้าย เพิ่มเติมอีก 1 ข้อหาด้วย
นอกจากนั้น ล่าสุด ศอ.รส.ได้รับรายงานถึงการใช้ความรุนแรงของการ์ด กปปส.ที่ได้ทำร้ายนักข่าวต่างประเทศที่ไปทำข่าวที่ศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 7 พ.ค.แม้ว่าการเข้าร่วมการชุมนุมจะเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่หากกระทำผิดกฎหมายอย่างหนึ่งอย่างใดก็จะต้องถูกดำเนินคดีไม่มีการละเว้น แกนนำทุกคนจะต้องรับผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่ง โดย ศอ.รส.จะบังคับใช้กฎหมายกับผู้ชุมนุมทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกันเพื่อป้องกันเหตุร้ายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น
ขณะที่นายนันทศักดิ์ พูลสุข อธิบดีอัยการคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องนายสนธิญาณ และนายสกลธี ภัทธิยกุล แกนนำกลุ่ม กปปส.ผู้ต้องหา 2 ใน 51 คนที่พนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ได้ส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันเป็นกบฎ และข้อหาอื่นๆ รวม 8 ข้อหา ต่อศาลอาญาแล้ว โดยไม่ได้คัดค้านการประกันตัว ซึ่งศาลมีคำสั่งนัดไต่สวนคำให้การและตรวจพยานหลักฐานผู้ต้องหาทั้ง 2 คนในวันที่ 12 พ.ค.นี้
ส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆ อาทิ นายสุเทพ กับพวกรวม 43 คน พนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันเป็นกบฎ และข้อหาอื่นๆ รวม 8 ข้อหาเช่นกัน แต่ยังไม่ได้รับตัวไว้สอบสวน พร้อมแจ้งให้พนักงานสอบสวน DSI นำตัวมาส่งฟ้องต่อไป ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 5 คนซึ่งเป็นนักวิชาการที่ขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่ม กปปส.นั้น อัยการมีความเห็นให้สั่งฟ้องในข้อหาสนับสนุนการกระทำอันเป็นการกบฎ และข้อหาอื่นๆ ซึ่งผู้ต้องหาส่วนนี้ก็ยังไม่ได้รับตัวไว้สอบสวน ซึ่งอัยการจะแจ้งให้พนักงานสอบสวนนำตัวมาส่งฟ้องเช่นกัน
โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า นอกจากนี้มีผู้ต้องหาอีก 1 คน ซึ่งเป็นนักวิชาการที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง จะต้องเสนออธิบดี DSI พิจารณาเห็นชอบอีกครั้ง และหากมีความเห็นแย้ง อัยการจะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด โดยขณะนี้อัยการเตรียมจัดทำบัญชีพยานบุคคลกว่า 500 ปาก ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล ตำรวจสันติบาล และฝ่ายความมั่นคง ที่หาข่าวในพื้นที่ชุมนุม พร้อมพยานหลักฐานเอกสารต่างๆ