ส่วนที่อ้างผลขาดทุนสะสมถึง 3 แสนกว่าล้านบาท จากการรายงานอนุกรรมการปิดบัญชี น.ส.สุภา ปิยะจิตตินั้น ยังถือว่ามีข้อไม่ถูกต้อง ไม่สมบูรณ์ เพราะยังไม่ได้นำสต๊อกข้าวที่มีอยู่จำนวน 2.97 ล้านตันไปบันทึกบัญชี และ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะนำพยานไปหักล้างรายงานอนุกรรมการปิดบัญชี ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นายกสมาคมบัญชีแห่งประเทศไทย เพื่อชี้ให้เห็นว่าการทำรายงานและการบันทึกบัญชีที่อ้างผลขาดทุนไม่ถูกต้อง แต่ก็ถูกตัดพยานทิ้ง จึงอยากถามว่าเป็นการเร่งรัด รวบรัด เร่งรีบ มีวาระพิเศษหรือไม่
ประการต่อมา กรรมการ ป.ป.ช. องค์คณะผู้ไต่สวนไม่แยกสำนวนการไต่สวนในคดีคำร้องขอถอดถอนของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่ยื่นคำร้องถอดถอนต่อวุฒิสภาออกจากสำนวนในส่วนคดีอาญาที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นผู้กล่าวหาออกจากกันเสียตั้งแต่เมื่อเริ่มไต่สวน ทั้งที่ผู้ถูกกล่าวหาคัดค้านเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นของการดำเนินคดีเมื่อถูกแจ้งข้อกล่าวหาจาก ป.ป.ช.ทำไมจึงมาแยกสำนวนวันนี้ภายหลังที่นำพยานหลักฐานในคดีของกรรมการ ป.ป.ช.ไปร่วมรับฟังในคดีคำร้องถอดถอนจนกรรมการ ป.ป.ช. มีข้ออ้างตามคำแถลงว่าคดีคำร้องถอดถอนมีมูล การดำเนินการเช่นนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 272 หรือไม่
"ขอเรียกร้อง ป.ป.ช.ว่าเมื่อตรวจสอบโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ก็ขอให้มีการดำเนินการตรวจสอบโครงการประกันราคาของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ที่มีการร้องสอบทุจริตทั้งการระบายข้าว การขึ้นทะเบียนลมที่ส่อทุจริต แจ้งพื้นที่เพาะปลูกมากกว่าพื้นที่จริง เกิดความเสียหายจากงบประมาณแผ่นดินเกือบ 2 แสนล้าน ซึ่งขณะนี้ผ่านมาร่วม 5 ปี ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นก่อนรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็ยังไม่คืบหน้า แต่คดีที่นายอภิสิทธิ์ร้องเอาผิดนางสาวยิ่งลักษณ์ในโครงการจำนำข้าวกลับถูกตัดสินก่อน ก็ขอให้มีการตรวจสอบอย่างมีมาตรฐานเดียวกัน โดยไม่เลือกปฏิบัติ รวมทั้งคดีอื่นๆที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกกล่าวหาด้วย"นายพร้อมพงศ์ กล่าว