ทั้งนี้ สื่อต่างประเทศมีความกังวลถึงสถานการณ์ในขณะนี้ ซึ่งมีการชุมนุมจากทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งอาจนำไปสู่สงครามกลางเมืองได้ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่เผชิญหน้ากัน เพราะมีบทเรียนในอดีตแล้ว
อย่างไรก็ดี ในช่วงบ่ายวันที่ 14 พ.ค.นี้ จะเดินทางไปหารือกับ กกต.ด้วยตนเองตามนัดหมายของ กกต. โดยยังหวังว่ากำหนดวันเลือกตั้งจะเป็นวันเดิม คือวันที่ 20 ก.ค.57 ตามที่ได้เคยหารือร่วมกันไว้ก่อนหน้านี้
นายนิวัฒน์ธำรง ยังได้แสดงเอกสารเป็นพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ชี้แจงต่อสื่อมวลชน โดยยืนยันว่าตนสามารถเป็นผู้ทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งได้ และเป็นไปตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งการปฎิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ก็คล้ายกับการปฎิบัติในสมัยของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ปฎิบัติหน้าที่แทนนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกศาลวินิจฉัยให้สิ้นสภาพเช่นกัน
อย่างไรก็ดี ไม่ห่วงว่าจะมีขบวนการทำให้คณะรัฐมนตรีที่เหลืออยู่ต้องพ้นจากตำแหน่งและเกิดสูญญากาศทางการเมือง เพราะตามระเบียบแล้วรัฐมนตรีทั้ง 25 คนที่เหลืออยู่ขณะนี้ยังไม่ถือว่าขาดคุณสมบัติ จึงสามารถที่จะปฎิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีต่อไปได้
นายนิวัฒน์ธำรง ยังเลี่ยงที่จะให้ความชัดเจนว่ามีอำนาจยื่นทูลเกล้าฯ ตำแหน่งประธานวุฒิสภาคนใหม่หรือไม่ โดยระบุว่ายังไม่ได้รับหนังสือจากวุฒิสภา แต่หากหนังสือดังกล่าวถึงก็จะนำเรื่องนี้เข้าสู่คณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อให้ดูประเด็นข้อกฎหมาย โดยเฉพาะการเปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญที่ผ่านมา ในพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมไม่มีวาระการเลือกประธานวุฒิสภา แต่ทั้งนี้จะดำเนินการตามขั้นตอนให้เร็วที่สุด หากมีการส่งเรื่องจากวุฒิสภามาแล้ว
ส่วนเรื่องนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 ที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) เสนอแนวทางนี้นั้น ยืนยันว่าไม่มีกฎหมายรองรับ ขณะเดียวกันยังไม่ได้รับคำเชิญจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.เพื่อหารือทางออกประเทศ โดยส่วนรัฐบาลพร้อมที่จะเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นทุกกลุ่ม