โดยการประชุมครั้งนี้ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ซึ่งเดิมกำหนดนัดประชุมเวลา 13.30 น. แต่เริ่มประชุมได้จริงประมาณ 14.30 น. แต่ก็ยังไม่เข้าสู่วาระสำคัญการแก้ไขปัญหาทางการเมือง เนื่องจากมีข้อถกเถียงเรื่องการถ่ายทอดสด โดยสมาชิกวุฒิสภาหลายคนกล่าวโจมตีนายสุวิจักษณ์ นาควัชระ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายทอดสดหรือให้สื่อมวลชนเข้ามาทำข่าวในห้องประชุม ขณะที่นายสุรชัยระบุเช่นกันว่า หน้าจอสำหรับดูรายชื่อสมาชิกตรงที่นั่งของตนเองก็ไม่ทำงาน ไม่สามารถดูอะไรได้เช่นกัน ถือเป็นความพยายามขัดขวางการประชุมนอกรอบวันนี้ แต่ล่าสุดทุกอย่างก็เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยมีการถ่ายทอดสดเฉพาะในรัฐสภาเท่านั้น
ทั้งนี้ภาพรวมการประชุมนอกรอบ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ศรีอรุณ ส.ว.สรรหา ภาควิชาชีพ เสนอที่ประชุมว่า การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าขณะนี้ วุฒิสภาควรเสนอตัวเป็นคนกลางเชิญคู่ขัดแย้งทุกฝ่าย มาเจรจาอีกครั้ง
นายมนตรี ด่านไพบูลย์ ส.ว.ลำพูน กล่าวว่า การหาทางออกบ้านเมืองไม่ควรนำเสนอแบบเปิดเผยเมื่อยังไม่มีข้อสรุป แต่ควรเป็นการประชุมลับ รวบรวมข้อสรุปให้ได้ก่อนแล้วจึงเสนอต่อสาธารณะ โดยเสนอให้มีประชุมลับ หากไม่มีผู้รับรองก็จะขอถอนตัวจากการประชุม และในที่สุดนายมนตรีก็เดินออกจากห้องประชุม เนื่องจากมีผู้รับรองญัตติประชุมลับเพียง 12 คน ซึ่งไม่ถึง 1 ใน 4 ของสมาชิกทั้งหมด
ด้านนายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ให้ประธานวุฒิสภาประสานทุกฝ่ายในการหาทางออกร่วมกัน ไม่ว่าจะฝ่ายบริหาร ตุลาการ รวมถึงคู่ขัดแย้ง เพื่อหาข้อยุติร่วมกัน แล้วนำไปสู่กระบวนการตามรัฐธรรมนูญต่อไป พร้อมยอมรับขณะนี้วิกฤตบ้านเมืองหากจะมีการตั้งรัฐบาลกลางขึ้นมา วุฒิสภาก็มีสิทธิที่จะสามารถทำได้ แต่ไม่มีบัญญัติในรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าทุกฝ่ายตัดสินใจร่วมกันได้ ก็สามารถดำเนินการได้
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา เรียกร้องให้ประธานวุฒิสภาเสนอรายชื่อบุคคลที่เหมาะสมจะเข้ามาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี เพื่อบริหารราชการแผ่นดิน โดยต้องเลือกผู้ที่มีความรักชาติ จงรักภักดีต่อสถาบัน ถึงแม้ไม่มีรัฐธรรมนูญรองรับ แต่เมื่อไม่มีสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา ถือเป็นองค์กรเทียบเคียงที่สามารถทำหน้าที่ได้ แม้อาจสุ่มเสี่ยงถูกฟ้องร้อง แต่ก็พร้อมร่วมรับผิดชอบกับประธานวุฒิสภา โดยไม่เห็นด้วยมีการเจรจาคุยกับคู่ขัดแย้ง เพราะไม่มีทางสำเร็จ
นายวันชัย สอนศิริ ส.ว.สรรหา อยากให้ประธานวุฒิสภาเชิญองค์กรอิสระที่มีอำนาจมาร่วมหารือทางออกประเทศ เพราะสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ ประธานวุฒิสภาน่าจะเป็นคนกลางเข้าไปทำหน้าที่ได้ จึงขอฝากให้พิจารณาคัดเลือกนายกรัฐมนตรี
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา เสนอให้ประธานวุฒิสภาเป็นตัวกลางที่จะพูดคุยกับองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เพื่อหาทางออก โดยใช้เวลาไม่เกิน 2 วัน เพราะปัญหาบ้านเมืองขณะนี้ขยายเป็นวงกว้างและรุนแรง จะให้คลี่คลายแบบในอดีตคงเป็นไปไม่ได้ จึงเห็นว่ามี 2 แนวทางให้เลือก คือเดินหน้าเลือกตั้งเพื่อให้ได้รัฐบาลใหม่ ซึ่งก็ไม่มีความชัดเจนว่าได้มาแล้วจะเกิดความสงบหรือเปิดประชุมสภาได้ กับอีกทางคือ วุฒิสภาเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ก็ต้องทำด้วยความระมัดระวัง
หลังจากรับฟังความเห็นมาระยะหนึ่ง นายสุรชัย กล่าวว่า การที่สมาชิกมอบหมายให้ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่พูดคุยกับองค์กรอิสระต่างๆ ก็พร้อมรับไปปฏิบัติ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะได้รับความร่วมมือจากองค์กรต่างๆมากเพียงใด จะบังคับให้มาประชุมกับวุฒิสภา คงเป็นไปไม่ได้
นายประพาส นวนสำลี ส.ว.หนองบัวลำภู กล่าวว่า เสียงเรียกร้องของคนภาคอีสานส่วนใหญ่ต้องการเห็นการเลือกตั้ง จึงอยากฝากให้สมาชิกวุฒิสภาคำนึงถึงความรู้สึกของชาวบ้าน พร้อมยอมรับขณะนี้ประชาชนที่ให้การสนับสนุนแต่ละฝ่าย ได้ก้าวข้ามเรื่องของเหตุผลไปสู่ความศรัทธา ซึ่งหากไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ ก็จะนำไปสู่การปลุกระดม และใช้ความรุนแรง
พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ส.ว.สรรหา ภาควิชาการ กล่าวว่า อยากให้วุฒิสภาเข้ามามีส่วนในการแก้ไขปัญหา ส่วนเรื่องมาตรา 7 อาจมีประชาชนทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย วุฒิสภาจึงควรทำประชาชาติสอบถามความชัดเจน โดยให้รวบรวมคำถามจากมวลชนทั้ง 2 ฝ่าย และองค์กรต่างๆ เพื่อสรุปเป็นคำถามในการทำประชามติ ผลที่ออกมาจะมีส่วนแก้ปัญหาในระยะยาวได้ เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับจากเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.วรรหา เสนอว่า วันพรุ่งนี้ขอให้ประธานวุฒิสภาไปพบผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองและประธาน 3 ศาล ในการหาทางออกให้กับประเทศ แล้วในช่วงวันพุธถึงวันศุกร์ นำประเด็นต่างๆกลับมาหารือภายในสมาชิกวุฒิสภา แล้วในวันจันทร์หน้าอาจจะมีการเรียกประชุมอีกครั้งเพื่อพิจารณาในเรื่องนายกรัฐมนตรีมาตรา 7 โดยให้เทียบเคียงการทำหน้าที่ของวุฒิสภาในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ พร้อมย้ำว่า ถ้าหากไม่ดำเนินการใดๆภายในสัปดาห์นี้ เกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ย้อนไปเมื่อปี 2549 เกิดการปะทะของประชาชน จนนำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารอีกครั้ง
หลังจากนั้น นายสุรชัยได้ขอโอกาสชี้แจงอีกครั้ง โดยระบุว่า การแก้ไขปัญหาวิกฤตในครั้งนี้หากไม่ทำก็เหมือนไฟท์บังคับที่ต้องทำต่อเพื่อประเทศชาติ เพราะเหมือนว่า วุฒิสภาจะเป็นเสาหลักเพียงเสาเดียว สิ่งที่ทำเป็นการปกป้องประชาธิปไตย พร้อมเรียกร้องว่า พรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง และฝ่ายขัดแย้งอย่าขัดขวางการทำหน้าที่วุฒิสภา ทั้งนี้สิ่งที่ตนเองจะดำเนินการนั้น ไม่ใชว่าไม่มีความมั่นใจในตัวเอง แต่เกรงว่า จะมีนักการเมืองพยายามหยิบยกประเด็นทางกฏหมายมานำเสนอเพื่อให้การทำงานตรงนี้ไม่ประสบความสำเร็จ หรือมุ่งแต่เพียงต้องการเอาชนะกันเท่านั้น