ส่วนกรณีที่ศาลปกครองและศาลรัฐธรรมนูญจะไม่มาร่วมประชุมนั้น นายสุรชัย กล่าวว่า ไม่เป็นไร ซึ่งหากไม่สะดวกจะมาพบกับวุฒิสภา ตนก็พร้อมจะเดินทางไปพบด้วยตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อตัวแทนจากแต่ละองค์กรที่เข้าร่วมประชุมวันนี้ ได้แก่ 1.นางพรทิพย์ หิรัญเกตุ รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย 2.นายอติโชค ผลดี รองเลขาธิการศาลปกครอง 3.นายพงษ์เดช วานิชกิตติกุล เลขานุการประธานศาลฎีกา 4.นายภุชงค์ นุตราวง์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) 5.นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชน 6.นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)
7.นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ปฏิบัติหน้าที่ประธานวุฒิสภา 8.นางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาส ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน 9.นายโอภาส เตพละกุล ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สป.) 10.นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธานสภาพัฒนาการเมือง 11.นายอิสสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย 12.นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย 13.นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)
ส่วนการปราศรัยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) ที่ต้องการให้วุฒิสภาปฎิบัติตามความต้องการของกปปส.นั้น นายสุรชัย กล่าวว่า หลักการทำงานต้องมีความเป็นอิสระ และต้องขอให้วุฒิสภาได้ทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางปราศจากแรงกดดัน ซึ่งวุฒิสภาคงไม่สามารถปฎิบัติตามใจทุกอย่างได้ ดังนั้นหากหน่วยงานใดที่สามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่าวุฒิสภาจริงก็พร้อมจะถอยให้ทันที
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทย(พท.) ไปฟ้องร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เพื่อให้ดำเนินคดีกับวุฒิสภาในข้อหาร่วมกันก่อกบฎ นายสุรชัย ระบุว่า ไม่เป็นไร แต่ที่ผ่านมาได้พูดอยู่เสมอว่าหากมีคนที่ทำหน้าที่ได้ดีกว่าก็พร้อมจะถอนตัว แต่การใช้การโจมตีด้วยวิธีนี้ประเทศก็จะยังไม่พ้นความเป็นวิกฤติ
"ฝากถามไปยังคนกลุ่มนี้ว่าระยะเวลา 6-7เดือนที่ผ่านมาพวกท่านไปมัวทำอะไรกันอยู่ถึงไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งประวัติศาสตร์ทางการเมืองในช่วงปี 2551 และ 2553 เพราะผู้ใหญ่ไม่ได้เข้ามาแก้ไขปัญหา จึงทำให้ประชาชนตัดสินใจด้วยการรบกันและมีคนเสียชีวิต หากปล่อยเป็นอย่างนั้นอีกประเทศชาติจะเดินหน้าได้อย่างไร" นายสุรชัย กล่าว
พร้อมระบุว่า สิ่งที่วุฒิสภาดำเนินการนี้ หากไม่ทำก็จะถูกมองว่าได้นิ่งเฉยต่อสถานการณ์ และอาจส่งผลให้ปัญหาบานปลายและเกิดการเผชิญหน้า แต่หากทำก็จะถูกตำหนิ ดังนั้นตนพร้อมยอมให้ถูกตำหนิในฐานะคนที่ดำเนินการแก้ไขปัญหามากกว่า ซึ่งดีกว่าไม่ทำอะไรเลย