พร้อมตั้งคำถามไปยังผู้ที่เสนอให้วุฒิสภาเสนอแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลางว่า มีข้อกฎหมายใดหรือรัฐธรรมนูญมาตราใดมารองรับ
"เราพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์ยั่วยุ สถานที่ตรงนั้น(รัฐสภา)มีผู้ชุมนุม ขออนุญาตหลีกเลี่ยง ขออนุญาตเป็นสถานที่กลางๆ" นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลยินดีและเปิดกว้างที่จะพูดคุยกับทุกฝ่าย โดยอาจเชิญนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ประธานวุฒิสภาเข้าหารือในวงเล็ก
ส่วนการพูดคุยกับ กกต.นั้น ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้เล่นแง่ ซึ่งได้มีการพูดคุยกับประธานกกต.โดยตรง และมีการนัดหมายไว้เป็นวันพรุ่งนี้(15 พ.ค.) ในเวลา 10.00 น. ขณะเดียวกันรัฐบาลพร้อมชี้แจงและตอบทุกข้อเสนอของกกต. และย้ำว่าต้องการให้ปัญหาทุกอย่างจบโดยเร็ว แต่ต้องยึดหลักของกฎหมายและรัฐธรรมนูญเป็นหลัก
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวว่า กรณีที่มีการมองกันว่ารัฐบาลปฏิเสธข้อเสนอจากวุฒิสภาและฝ่ายต่างๆ เรื่องการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง หรือนายกรัฐมนตรีมาตรา 7 นั้น รัฐบาลรักษาการไม่ได้ปฏิเสธ แต่การดำเนินการจะต้องเป็นไปตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ โดยตั้งคำถามกลับว่าการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลางจะใช้หลักกฏหมาย หรือรัฐธรรมนูญมาตราใดมารองรับ เพราะหากไม่มีกฎหมายมารองรับก็คงไม่สามารถดำเนินการได้
"กฏหมายรัฐธรรมนูญ ระบุชัดการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีต้องเป็นไปตามมาตรา 171 และ 172 ถ้ามีแนวคิดใด กฏหมายรัฐธรรมนูญข้อไหนที่อ้างอิงแต่งตั้งคนดังกล่าว หากไม่มีกฎหมายรองรับ รัฐบาลไม่สามารถทำต่อไปได้ หากท่านทำเองก็จะติดขัดขั้นตอนการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถ้าไม่ถูกกฏหมาย รัฐบาลหรือข้าราชการคงไม่มีใครกล้านำเสนอขึ้นทูลเกล้าฯ หากท่านคิดว่าทำได้ ท่านต้องบอกข้อกฏหมายก่อน"นายนิวัฒน์ธำรง กล่าว
และยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดถือกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้คนจำนวนมากอยู่ด้วยกันอย่างสงบเรียบร้อย เพราะหากไม่ปฏิบัติตามกฏหมายและกฏระเบียบจะทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม และความไม่สงบเกิดขึ้น ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องไปยังสถาบันหลักต่างๆ ตลอดจนองค์กรอิสระที่จำเป็นต้องยึดถือปฏิบัติตามกฏหมายและกฏระเบียบอย่างเคร่งครัด
นายนิวัฒน์ธำรง ย้ำว่า อำนาจหน้าที่ของความเป็นคณะรัฐมนตรีรักษาการนั้นเป็นไปอย่างสมบูรณ์ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และอ้างอิงตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งล่าสุด และมีผลผูกพันธ์กับทุกองค์กร
การปฏิบัติหน้าที่ของตนนั้น ยืนยันว่าสามารถทำได้ตามพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดินมาตรา 10 ที่ระบุไว้ว่าให้คณะรัฐมนตรีชุดที่เหลือคัดเลือกบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี และในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมาก็ได้เลือกให้ตนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 178 โดยขอบเขตอำนาจหน้าที่นั้นเท่ากับนายกรัฐมนตรีอย่างสมบูรณ์ และสามารถบริหารราชการแผ่นดินภายใต้รัฐธรรมนูญ และสามารถทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกาการกำหนดวันเลือกตั้งได้ ซึ่งเป็นอำนาจของฝ่ายบริหารไม่ใช่อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ