นายนพดล ปัทมะ กรรมการกิจการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความพยายามผลักดันนายกรัฐมนตรีคนกลางนอกรัฐธรรมนูญสร้างบรรทัดฐานที่ผิด 8 ประการ และจะสร้างปัญหาใหม่ให้กับประเทศ คือ 1.จะทำให้การจัดม็อบจ้างคนมาชุมนุมและมีการใช้อาวุธสงครามได้ตามที่ตนต้องการ 2. นักการเมืองที่ไม่ทำหน้าที่ของตนและบอยคอตการเลือกตั้งจะบรรลุเป้าหมายทางการเมืองของตน ซึ่งสมประโยชน์กับความประสงค์ของม็อบ 3.ขบวนการสมคบคิดเพื่อล้มประชาธิปไตยและล้มรัฐธรรมนูญก็จะได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ 4. รัฐธรรมนูญถูกใช้และตีความตามอำเภอใจ ไร้มาตรฐาน แล้วแต่ว่าสมประโยชน์ฝ่ายตนหรือไม่
5. มวลมหาประชาชนกลุ่มเดียว มีอำนาจเหนือปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ 6. ปวงชนชาวไทยที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยไม่สามารถใช้อำนาจของตนในการเลือกตั้งอีกและ การเลือกตั้งซึ่งเป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญและประเพณีประชาธิปไตย ต้องถูกทำลายลง และหลีกทางให้ขบวนการลากตั้งตามอำเภอใจ 7. การข่มขู่คุกคามประชาชนโดยใช้อาวุธสงคราม ได้ผลกว่าการได้อำนาจผ่านบัตรเลือกตั้งของประชาชน และ 8. คนทำลายกติกาได้ประโยชน์ คนยึดกติกาต้องรับโทษ
นายนพดล กล่าวว่า ประเทศไทยเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนบนทางสามแพร่งขณะนี้เพราะคณะกรรมการเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข(กปปส.)ขัดขวางการเลือกตั้งทุกวิถีทางและมีการตัดสินว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ทำให้เราได้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีใหม่ล่าช้า เพราะการขัดขวางการเลือกตั้งของ กปปส. และขบวนการสมคบคิด
"วันนี้ กปปส.กลับมาอ้างว่าต้องมีนายกฯ คนกลางเพื่อให้มีนายกฯ ที่มีอำนาจเต็ม เพื่อมาบริหารประเทศ ทั้งๆ ที่พวกตนเองเป็นผู้สร้างเงื่อนไขไม่ให้มีรัฐบาลใหม่โดยเร็วมาตั้งแต่ต้น เรามีทางออกปกติ แต่ขบวนการสมคบคิดต้องการทางออกฉุกเฉิน คิดหรือว่าถ้ามีนายกฯ คนกลางนอกรัฐธรรมนูญตามต้องการแล้ว จะนำไปสู่รัฐบาลใหม่ที่มั่นคง จะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง จะได้รับการยอมรับจากต่างชาติ และจะทำให้บ้านเมืองสงบตามต้องการ เชื่อว่าผลในทางตรงข้ามจะเกิดขึ้น แม้มวลมหาประชาชนอาจจะชนะ แต่ปวงชนชาวไทยจะเป็นผู้แพ้"นายนพดล กล่าว