"ทหารคงอยากจะตัดไฟแต่ต้นลม เขาคงกลัวจะเกิดจลาจล เพราะโรดแมปของ กปปส.ค่อนข้างชัดว่าจะมีการนัดหยุดงานของรัฐวิสาหกิจในวันที่ 22 พ.ค.นี้...เชื่อว่าทหารคงไม่อยากปฏิวัติเต็มรูป เพราะตอนนี้ก็ปฏิวัติไม่เต็มรูป คือต้องเอารัฐบาลอยู่ไว้ก่อน" นายสุขุม กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"
อนึ่ง พ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ.2457 ในมาตรา 4 ระบุว่า "เมื่อมีสงครามหรือจลาจลขึ้น ณ แห่งใดให้ผู้บังคับบัญชาทหาร ณ ที่นั้น ซึ่งมีกำลังอยู่ใต้บังคับไม่น้อยกว่าหนึ่งกองพัน หรือเป็นผู้บังคับบัญชาในป้อมหรือที่มั่นอย่างใด ๆ ของทหารมีอำนาจประกาศใช้กฎอัยการศึก เฉพาะในเขตอำนาจหน้าที่ของกองทหารนั้นได้ แต่จะต้องรีบรายงานให้รัฐบาลทราบโดยเร็วที่สุด"
นายสุขุม กล่าวว่า ขณะนี้คงยากจะคาดเดาว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่เชื่อว่าทั้งฝ่ายคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) และฝ่ายแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) คงยังประเมินสถานการณ์กันอยู่ แต่ดูแล้วทางฝ่าย กปปส.อาจจะคิดว่าทหารออกมาช่วยก็ได้ ในขณะที่ฝ่าย นปช.ก็ยังระแวงอยู่ว่าจะทหารก้าวข้ามขั้นไปหรือไม่
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ได้ประกาศใช้กฎอัยการศึกตั้งแต่เวลา 03.00 น.ที่ผ่านมา โดยมีผลบังคับใช้ทั่วราชอาณาจักร โดยได้มีคำสั่งตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(กอ.รส.)ขึ้น และให้ยุติการปฏิบัติงานของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) ทันที สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้น นายสุขุม มองว่า ถ้ามองในแง่ของความสงบเรียบร้อยภายในประเทศก็เห็นว่าจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ถ้ามองในแง่ความเชื่อถือของประเทศแล้วอาจจะทำให้ต่างชาติหรือนักท่องเที่ยวมีความน่าเชื่อถือต่อประเทศไทยลดลง และชะลอการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยช่วงนี้
"ผลกระทบมีอยู่แล้ว ใครจะมาบ้านเมืองเราก็หยุดชะงักหมด สถานการณ์ในแง่ของความสงบอาจจะดีขึ้น แต่สถานการณ์ของประเทศในแง่ของความน่าเชื่อถือคงจะลดลง" นายสุขุม กล่าว