รมว.คมนาคม กล่าวว่า ในช่วงนี้ทุกหน่วยงานจะต้องพยายามทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด ยืนยันว่าพนักงานและสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจทุกแห่งจะไม่มีการหยุดงาน ซึ่งเบื้องต้นจะสรุปปัญหาที่เกิดขึ้นเสนอต่อ กอ.รส.ให้ช่วยคลี่คลาย เช่น กรณีที่มีผู้ชุมนุมขึ้นทางด่วน, การปิดถนน, การปิดสถานที่ราชการ และขอให้ข้าราชการกลับเข้ามาปฎิบัติงานที่กระทรวงคมนาคม ซึ่งปัจจุบันยังถูกปิดอยู่ และต้องการให้กอ.รส.ดูแลในเรื่องความปลอดภัยด้วย รวมถึงเสนอให้กอ.รส.ชี้แจงทำความเข้าใจกับสถานฑูตของประเทศต่างๆ ถึงการประกาศกฎอัยการศึกว่าคืออะไร เพราะอาจทำให้นักท่องเที่ยวไม่เข้าใจและระงับการเดินทางได้
"เบื้องต้น กอ.รส.ได้แจ้งให้กระทรวงคมนาคมเตรียมพร้อมในการจัดรถเพื่อรับผู้ชุมนุมกลับบ้าน ซึ่งได้เตรียมพร้อมทั้งรถบขส., ขสมก.และรถไฟ ยืนยันว่ารัฐมนตรีคมนาคมทุกคนบริหารราชการให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง" นายชัชชาติ กล่าว
ด้านนายโชคชัย ปัญญายงค์ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย(THAI) กล่าวว่า ผลกระทบหลังมีประกาศกฎอัยการศีก ทำให้ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ยกระดับคำเตือนประชาชนขึ้นเป็นขั้นสูงสุด ส่วนประเทศอื่นยังคงคำเตือนปกติซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป โดยเจตนาของ กอ.รส.คือการรักษาความสงบเรียบร้อยในภาพรวม แต่จะต้องทำความเข้าใจกับสถานฑูตทุกประเทศให้เข้าใจ
ส่วนการจองตั๋วโดยสารเครื่องบินยังเป็นไปตามปกติ การบินไทยยังไม่มีการยกเลิกเที่ยวบินใดๆ ซึ่งได้ให้ทุกหน่วยที่ประจำในประเทศต่างๆ ทำความเข้าใจกับลูกค้าที่จองตั๋วล่วงหน้าและตัวแทนจำหน่ายเอเย่นต์ต่างๆ อย่างเต็มที่แล้ว
ด้านนายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT) หรือ ทอท. กล่าวว่า การประกาศกฎอัยการศึกไม่ได้ส่งผลกระทบเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันจำนวนผู้โดยสารเข้าออกประเทศไทยที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฉลี่ย 1.2 แสนคนต่อวัน ซึ่งลดลง 5-10% จากช่วงปกติที่มีเฉลี่ย 1.2-1.5 แสนคนต่อวัน โดยนอกจากเป็นช่วง Low Season แล้วยังได้รับผลกระทบจากการชุมนุมมาอย่างต่อเนื่องด้วย