1. พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า การเจรจาเพื่อหาทางออกให้ประเทศมีความจำเป็น ทั้งนี้ต้องการเห็นความรุนแรงยุติ และไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างประชาชน
2. พรรคประชาธิปัตย์ต้องการเห็นการปฏิรูปก่อนและหลังการเลือกตั้ง
3. พรรคประชาธิปัตย์ตระหนักดีว่าการเลือกตั้งเป็นส่วนสำคัญของระบบการปกครองแบบประชาธิปไตย และต้องการเห็นการเลือกตั้งที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายโดยเร็วที่สุด
นายชวนนท์ ยังได้กล่าวย้ำถึงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ 2 เรื่อง คือ ต้องยุติความรุนแรงและปฏิรูปทั้งก่อนเลือกตั้งและหลังการเลือกตั้ง ซึ่งไม่ใช่อำนาจของพรรคประชาธิปัตย์ที่สามารถดำเนินการได้ แต่การประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้จะเป็นเครื่องมือที่ดี ในการปราบปรามแก้ไขปัญหาความรุนแรงในการใช้อาวุธอย่างเด็ดขาด เชื่อว่าหากสามารถดำเนินการอย่างนี้ได้ การปฏิรูปก็จะสามารถเดินต่อไปได้ เพราะทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าหากเดินหน้าต่อ จะต้องมีกระบวนการปฏิรูปที่เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนเพื่อให้ประชาชนที่ต่อต้านการเลือกตั้งยอมรับกระบวนการ
"พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่าแนวทางการเสนอแผนเดินหน้าประเทศไทยของนายอภิสิทธิ์ สามารถดำเนินการให้สอดคล้องกับกรณีนี้ แต่ประการสำคัญที่ขณะนี้การปฏิรูปและการนำไปสู่กระบวนการจัดการเลือกตั้งที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมยังเกิดขึ้นไม่ได้ มีสาเหตุหลักเพราะรัฐบาลรักษาการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและครม.ยังดื้อแพ่งไม่ลาออกจากตำแหน่ง เชื่อว่าทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าไม่สามารถกลับไปเลือกตั้งได้ในสถานการณ์แบบนี้" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ส่วนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุว่าการเลือกตั้งอาจต้องรออีก 2 ปีนั้น เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า หากรัฐบาลรักษาการเดินเกมในลักษณะนี้ ประเทศไทยจะไม่มีทางกลับคืนสู่การเลือกตั้งได้อย่างแน่นอน แต่หากรัฐบาลชุดนี้ลาออก ตนเชื่อว่าอีก 7 ฝ่ายจะสามารถกำหนดทิศทางที่ชัดเจนว่าใครจะทำด้านการปฏิรูป กำหนดระเวลาก่อนกลับคืนสู่กระบวนการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายให้การยอมรับ ดังนั้น เงื่อนไขสำคัญขณะนี้คือ ยุติความรุนแรง และรัฐบาลรักษาการยอมลาออกเพื่อกลับไปสู่กระบวนการปฎิรูป และเดินหน้าเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายยอมรับ ทั้งนี้มองว่าข้อเสนอพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าเป็นรูปธรรม ทุกฝ่ายไม่เสียประโยชน์ และคนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือประชาชน