อย่างไรก็ตาม R&I ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยจากระดับที่มีเสถียรภาพ(Stable Outlook) เป็นลบ(Negative Outlook) เนื่องจากเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา กองทัพไทยได้เข้าควบคุมอำนาจการบริหารประเทศที่ตกอยู่ในวิกฤตทางการเมืองตั้งแต่เดือน พ.ย.56 โดยมุ่งฟื้นฟูความเป็นระเบียบเรียบร้อยและปฏิรูปการเมืองภายใต้การปกครองของกองทัพ
"ยังคงมีความไม่แน่นอนว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปในทางที่กองทัพคาดการณ์หรือไม่ หากการจัดการด้านการคลังและเศรษฐกิจยังไม่เป็นไปตามปกติและการปฏิรูปการเมืองไม่มีความคืบหน้า เศรษฐกิจไทยจะยังคงหยุดชะงักต่อไป รวมถึงรากฐานทางเศรษฐกิจอาจอ่อนแอลงในระยะกลางถึงยาวได้ R&I จำเป็นต้องจับตามองพัฒนาการในด้านต่างๆและปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือเป็นลบ" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
โดยกองทัพได้ระงับใช้รัฐธรรมนูญเป็นการชั่วคราวและจัดตั้งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นหัวหน้าคณะ ซึ่ง คสช.แถลงว่าจะเข้ามาดูแลกระบวนการอนุญาตการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศและการดำเนินงานด้านงบประมาณที่ได้ล่าช้าไป รวมถึงการจัดทำงบประมาณประจำปี 2558 ด้วย หากความสงบเรียบร้อยกลับคืนมาและการบริหารจัดการฟื้นตัวเศรษฐกิจอาจได้รับผลเชิงบวกเนื่องจากวิกฤตทางการเมืองมีน้ำหนักต่อเศรษฐกิจ
ตามที่อ้างอิงจากกองทัพ การเลือกตั้งทั่วไปจะถูกจัดตั้งขึ้นภายหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญและมีการดำเนินการปฏิรูปทางการเมือง และต่อมาในที่สุดประเทศจะกลับคืนสู่การปกครองของประชาชน อย่างไรก็ดีเบื้องหลังของวิกฤตทางการเมือง ได้แก่ ความขัดแย้งที่หยั่งรากลึกระหว่างผู้สนับสนุนและผู้ต่อต้าน พ.ต.อ.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีรากฐานมาจากความไม่เท่าเทียมกันทางรายได้ระหว่างพื้นที่เมืองกับชนบทบนระบอบประชาธิปไตยแบบอุดมคติที่รวมถึงระบบการเลือกตั้ง ซึ่ง R&I เห็นว่าการแก้ไขปัญหาพื้นฐานและจัดตั้งระบบการเมืองที่มีเสถียรภาพนั้นไม่ง่าย
อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยได้รับการสนับสนุนจากอุตสาหกรรมผู้ผลิตที่เบื้องต้นประกอบด้วย บริษัทอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งเติบโตจากการลงทุนโดยตรงในมุมมองของ R&I เห็นว่า ความกังวลที่อาจจะเกิดความถดถอยของโครงสร้างการเจริญเติบโตของภาคการผลิตมีเพียงเล็กน้อย
"ตั้งแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อปี 2549 เสถียรภาพทางการเมืองได้ลดลง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าได้ส่งผลให้การดำเนินนโยบายเพิ่มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจหยุดชะงักลง รวมถึงมาตรการในการขยายโครงสร้างพื้นฐานและทำให้ภาคการส่งออกเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
หากการปฏิรูปทางการเมืองภายใต้การปกครองของกองทัพขับเคลื่อนไปในทิศทางตรงข้ามกับประชาธิปไตยหรือการเข้าควบคุมอำนาจการปกครองของกองทัพยืดเยื้อออกไป ประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐอเมริกาและประเทศพัฒนาแล้วในยุโรปอาจออกมาวิจารณ์กองทัพรุนแรงขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการค้าของประเทศไทยกับประเทศเหล่านี้ รวมถึงการลงทุนทางตรง ทั้งนี้ R&I จะติดตามการจัดการด้านเศรษฐกิจการคลังภายใต้การปกครองของกองทัพและแนวโน้มทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด รวมถึงติดตามว่าการปฏิรูปจะดำเนินไปในแนวทางที่ช่วยให้เกิดเสถียรภาพทางการเมืองในระยะกลางถึงยาวหรือไม่