"ท่านต้องการรันทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง ไม่ใช่เวลาที่จะพูดเรื่องอดีต และงานทุกอย่างเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา...ท่านเคยพูดต่อวงประชุมต่างๆว่า เมื่อผมผูกเชือกรองเท้า ผมเดินทันที ไม่หันไปมองข้างหลัง..."พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าว
พร้อมทั้งมอบแนวทางการบริหารราชการใน 3 ระยะ ประกอบไปด้วย 1.เดินหน้าขับเคลื่อนงานราชการตามระบบปกติ 2.สร้างสภาวะแวดล้อมในบ้านเมือง เช่น การจัดให้มีสภานิติบัญญัติ และสภาปฏิรูป และ 3.นำไปสู่การเลือกตั้ง ที่เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ และได้กำชับให้ดำเนินการขั้นที่ 1 โดยเร็วและเข้าสู่ขั้นที่ 2 และ 3 โดยเร็ว ซึ่งหัวหน้าฝ่ายทั้ง 6 ฝ่ายได้รายงานผลความคืบหน้าการปฏิบัติงานที่เร่งด่วนที่แต่ละฝ่ายได้ดำเนินการมา
นอกจากนี้ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า หัวหน้า คสช. ได้กำชับในประเด็นการทำความเข้าใจ และการบริหารจัดการงบประมาณ ในหลักการให้มีความเท่าเทียม เร่งด่วนตรงกับความเดือดร้อนของประชาชน และไม่สร้างภาระหนี้สินผูกพันธ์รวมถึงต้องไม่เสียวินัยการเงินการคลังอีกด้วย และการตัดสินใจในการดำเนินโครงการใดๆต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ
ส่วนกระบวนการร่างกฏหมายและระบบยุติธรรมนั้น ให้แนวทางที่ต้องมีการบังคับใช้กฏหมายที่มีความเข้มแข็ง และมีความเป็นธรรม และการประชุมในรูปแบบนี้จะมีการกำหนดรูปแบบการประชุมคล้ายกับการประชุมคณะรัฐมนตรี เพียงแต่ยังไม่กำหนดวันที่ชัดเจนเท่านั้น
"ท่านพูดในที่ประชุมเสมอว่า งานทุกอย่างที่ทำได้ใคร่ครวญ ศึกษา และพิจารณาอย่างท้องแท้ในทุกๆเรื่อง"พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าว
สำหรับคณะที่ปรึกษาที่แต่งตั้งขึ้น จะมีส่วนเข้ามาช่วยในการเป็นผู้เสนอแนะให้ความคิดเห็นในแต่ละด้าน ซึ่งสามารถเสนอความเห็นผ่านทางสำนักงานเลขาคสช. หรือเข้าไปมีส่วนในการรับฟังการประชุมฝ่ายต่างๆได้ เพื่อให้หัวหน้าฝ่ายหรือหัวหน้าคสช.ตัดสินใจ
นอกจากนี้ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ ยังระบุว่า หัวหน้าคสช.มีแนวคิดที่จะสื่อสารและรายงานสถานการณ์และการทำงานของคสช.ให้ประชาชนได้รับทราบ ซึ่งอยู่ระหว่างการกำหนดรูปแบบ ซึ่งถือเป็นความตั้งใจของหัวหน้าคสช.ในฐานะที่เข้ามาบริหารประเทศ
ส่วนปัญหาการใช้บริการอินเทอร์เน็ตที่มีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวานนี้ ยืนยันว่าทาง คสช.ไม่มีแนวคิดที่จะตัดระบบช่องทางการสื่อสารทางโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ค ไลน์ หรืออินสตาแกรม แต่จะดำเนินการติดตามและยับยั้งเฉพาะเว็ปไซต์ที่เข้าข่ายยุยงปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งหรือแตกแยกและละเมิดสถาบันเท่านั้น
ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า คสช.ยังไม่มีการพิจารณาแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในขณะนี้ เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ การบริหารราชการแผ่นดินจึงเน้นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก รวมถึงเดินหน้าจัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์
ส่วนการติดตามผู้ที่ไม่มารายงานตัวตามคำสั่งของ คสช.นั้น เบื้องต้นได้ดำเนินการโดยระงับธุรกรรมทางการเงิน รวมถึงประสานทุกหน่วยในการเร่งติดตามตัว โดยในส่วนของผู้ที่หลบหนีออกไปนอกประเทศ ทาง คสช.ก็จะมีรูปแบบและวิธีการดำเนินการที่แตกต่างออกไป แต่ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องประสานสถานทูตให้เร่งติดตามตัว แต่จะใช้วิธีการสืบหาเบาะแสจากคนใกล้ชิดเป็นหลัก
สำหรับกรณีของนายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระที่ถูกออกคำสั่งให้รายงานตัวกับ คสช.นั้น พ.อ.วินธัย กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการประสานมาแล้ว โดยแจ้งว่าติดภารกิจอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ไม่สามารถเดินทางมารายงานตัวตามกรอบเวลาที่ คสช.กำหนดไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้ทำเป็นหนังสือชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็นการแสดงเจตนาว่าไม่ขัดขืนคำสั่งของ คสช.