"ขอให้พี่น้องประชาชนไม่ต้องกังวลและสบายใจได้ ทาง คสช.ยังคงยึดหลักกฎหมายและเคารพหลักสิทธิมนุษยชน พึงระวังต่อการจะไปละเมิดสิทธิส่วนบุคคลผู้อื่น การบังคับใช้กฎหมายเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อให้กระทบกับประชาชนน้อยที่สุด" พ.อ.วินธัย ระบุ
ส่วนกรณีที่ คสช.มีคำสั่งปรับย้ายเอกอัคราชทูตไทยประจำกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศให้เหตุผลเพื่อความเหมาะสม และด้วยเป็นการปรับย้ายนอกกระทรวงจึงต้องมีคำสั่งจากทาง คสช.
ส่วนกรณีสื่อฯต่างประเทศรายงานว่า นายชัค ฮาเกล รมว.กระทรวงกลาโหมสหรัฐ แถลงต่อที่ประชุมความมั่นคงระดับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก "แชงกรี-ลา ฟอรัม" เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกของไทย ปล่อยตัวบุคคลที่ถูกคุมขังด้วยจุดประสงค์ทางการเมืองให้เร็วที่สุด พร้อมกับยุติมาตรการปิดกั้นสื่อ และเร่งคืนอำนาจอธิปไตยให้กับประชาชนในประเทศผ่านการเลือกตั้งนั้น ต่อกรณีดังกล่าวต้องขอขอบคุณในความเป็นห่วง ด้วยสภาพความขัดแย้งที่มีมากว่า 9 ปี สร้างความเสียหายให้ประเทศอย่างมาก คสช.จึงมุ่งหวังที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยสร้างความปรองดองให้คนในชาติ จึงต้องอาศัยมาตรการบางอย่างที่จำเป็นมาสนับสนุน ซึ่งในทุกๆ มาตรการสามารถอธิบายได้ด้วยหลักเหตุผลความจำเป็น
"ที่ผ่านมาดำเนินการใดๆ ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะได้คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนมาโดยตลอด จึงอยากให้นานาประเทศได้เข้าใจ และช่วยสนับสนุน คสช.ในการแก้ปัญหาให้กับประเทศด้วย" พ.อ.วินธัย กล่าว
สำหรับการประชุมผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ก็เพื่อมาทบทวนการปฏิบัติงาน หารือปรับปรุงการทำงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศชาติและประชาชน ขณะนี้ยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนอะไรไม่ว่าจะเป็น ปตท. หรือ องค์กรฯ ไหนก็ตาม