คสช.ปรับแผนปชส. เพิ่มทีมโฆษก/นัดถกทีวี 14 ช่องที่ถูกระงับพรุ่งนี้

ข่าวการเมือง Tuesday June 3, 2014 16:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พ.อ.ณัฐวัฒน์ จันทร์เจริญ รองโฆษกกองทัพบก แถลงข่าวที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันพรุ่งนี้ (4 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)จะประชุมร่วมกับหัวหน้าฝ่าย 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายเศรษฐกิจ และฝ่ายสังคมจิตวิทยา ที่กองบัญชาการกองทัพบก

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดการประชุมทางด้านฝ่ายเศรษฐกิจเป็นการเฉพาะ แต่ได้มอบหมายให้ทุกกระทรวงเร่งดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายให้ทันตามกรอบที่กำหนดไว้ 2 สัปดาห์ โดยหัวหน้าคสช.ได้ให้แนวทางการพิจารณาว่า การดำเนินงานของแต่ละโครงการจะต้องไม่ใช่ลักษณะของประชานิยม แต่จะเน้นการให้ความช่วยเหลือประชาชนเป็นหลัก

"หัวหน้า คสช.ได้ให้แนวทางว่า การพิจารณาแต่ละโครงการต้องไม่ใช่ลักษณะโครงการประชานิยม หรือส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ" พ.อ.ณัฐวัฒน์ กล่าว

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวจะเปลี่ยนแปลงบอร์ดรัฐวิสาหกิจนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการพูดถึงในเรื่องดังกล่าว เพียงแต่ให้แนวนโยบายว่าหากจะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งใดก็ตาม ต้องได้ผู้ที่มีความสามารถและเป็นคนที่สังคมยอมรับได้ อย่าเอาคนที่หวังแต่ผลประโยชน์ของตนเอง

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า คสช. ได้ดำเนินการปฏิบัติงาน 2 ลักษณะ คือ 1.การเข้มงวดตรวจจับอาวุธสงคราม ซึ่งเป็นไปตามประกาศฉบับที่ 37/2557 ที่ให้บุคคลที่มีอาวุธสงครามในครอบครอง นำอาวุธมามอบคืนให้ทางราชการ โดยเบื้องต้นมีความคืบหน้าในพื้นที่จังหวัดชลบุรีที่มีกลุ่มบุคคลนำอาวุธมาทิ้งไว้ในพงหญ้า โดยเรื่องของอาวุธสงครามเป็นองค์ประกอบหลักที่ทำให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมือง จึงทำให้คสช.ยังคงต้องเข้มงวดในเรื่องดังกล่าว

นอกจากนี้ การที่มีบางกลุ่มที่ยังไม่เข้าใจและมีการรวมกลุ่มต่อต้าน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ตามประกาศกฎอัยการศึก ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ทั้งนี้ คสช.เน้นย้ำวิธีดำเนินการสร้างความเข้าใจกับผู้ชุมนุม โดยใช้การสื่อสารสอดแทรก ช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมยืนยันว่าหากมีการชุมนุมต่อต้านถือว่าเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคสช. ก็จะดำเนินการตามขั้นตอน โดยใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นหลัก วิธีปฏิบัติจะเริ่มจากการเจรจาทำความเข้าใจ จนถึงการบังคับใช้กฎหมายควบคุมตัว ดังนั้นจึงขอให้ญาติของผู้ชุมนุมแจ้งเตือนไม่ให้เข้าร่วมการชุมนุม

2.ตามที่มีเสียงสะท้อนจากสื่อมวลชนที่อาจเข้าใจว่าคสช.ยังปิดกันการทำงานของสื่ออยู่นั้น ขอเรียนว่า คสช.ได้ดำเนินมาตรการทุกอย่างเท่าที่จำเป็น และให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด รวมถึงมีมาตรการผ่อนปรนเป็นระยะ โดยวันพรุ่งนี้(4 มิ.ย.) คสช.จะเชิญกลุ่มทีวี 14 ช่องที่มีรายชื่อถูกระงับออกอากาศให้เข้ามาหารือกับคสช. โดยยืนยันว่าไม่มีเจตนาปิดกั้นสื่อ แต่มีความจำเป็นต้องทำความเข้าใจร่วมกัน ส่วนสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมที่ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไข 14 ช่อง โดยอาจจะเป็นช่องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงอยากให้เข้าไปเจรจากับ กสทช.เพื่อดำเนินการให้ถูกต้อง

ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคสช. มีแนวคิดที่จะสื่อสารกับประชาชนผ่านช่องทางโทรทัศน์ ซึ่งเป็นแผนของการประชาสัมพันธ์ โดยรายละเอียดเงื่อนไขเวลาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ขณะนี้ยังคงรูปแบบเดิม โดยจะจัดทุกวันศุกร์ ผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการ เช่น การจัดรายการคสช. พบประชาชนทุกเช้าวันเสาร์ โดยมีพิธีกรมาทำหน้าที่สัมภาษณ์

ส่วนแนวความคิดการจัดตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐนั้น ในขณะนี้ยังไม่มีการจัดตั้งอย่างเป็นรูปธรรม แต่ในองค์ประกอบจะประกอบจากหลายหน่วยงาน เช่น สำนักปลัดบัญชีกองทัพบก, สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่อยู่ระหว่างการขับเคลื่อน โดยเน้นความโปร่งใส ถูกต้อง และเป็นไปตามระเบียบของทางราชการ

ด้าน ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ ทีมโฆษก คสช. กล่าวว่า การเผยแพร่ข้อมูลสู่สาธารณะจะเน้นไปที่การสื่อสารสร้างความปรองดอง และบรรยากาศในการสมานฉันท์ โดยจะมีการอัพเดทข้อมูลทั้งไทยและต่างประเทศผ่านทางเว็บไซต์ของทำเนียบรัฐบาล www.thaigov.go.th รวมถึงเฟซบุ๊ค"ไทยคู่ฟ้า" ทั้งนี้จะมีการประชุมโฆษกกระทรวง เพื่อให้การทำงานเป็นเอกภาพสามารถสื่อสารกันได้อย่างทันท่วงที

นอกจากนั้น ในวันพรุ่งนี้ (4 มิ.ย.) จะมีกิจกรรมการสร้างปรองดองสมานฉันท์ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างทหาร ตำรวจ และกรุงเทพมหานคร(กทม.) โดยมีการจัดการแสดงดนตรีและตรวจสุขภาพฟรี ที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

ขณะที่ ในช่วงเช้าที่ผ่านมามีการประชุม เลขาฯ คสช.เพื่อปรับปรุงโครงสร้างศูนย์ปรองดองสมานฉันท์ และคณะกรรมการเตรียมการเพื่อการปฏิรูป โดยพล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รองเสนาธิการทหารบก ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กรมการศาสนา และคณะกรรมการพุทธศาสนา เพื่อให้กระจายการสร้างความปรองดองโดยใช้วัด และโรงเรียนในการเข้าไปมีส่วนร่วม

ด้าน น.ส.ปัทมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต นักสื่อสารมวลชนชำนาญการ กรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า กรมประชาสัมพันธ์ได้จัดตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อใช้เป็นพื้นที่สื่อสารทำความเข้าใจระหว่างคสช.และประชาชน ผ่านทางสื่อวิทยุ โทรทัศน์ และสื่อทุกประเภทของกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งทั้งหมดจะใช้งบประมาณของกรมประชาสัมพันธ์ รวมทั้งมีการจัดงานดนตรีในสวนขึ้น โดยใช้วงดนตรีของกรมประชาสัมพันธ์ทุกวันพฤหัส โดยจะเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสที่ 5 มิ.ย.นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ