นอกจากนี้ การเข้าเยี่ยมคำนับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.สส.) ในฐานะรองหัวหน้าคสช.ของเอกอัคราชทูตจีน และเอกอัคราชทูตเวียดนาม ประจำประเทศไทยนั้น ทั้ง 2 ประเทศยืนยันว่ายังมีความสัมพันธ์อันดีและเข้าใจสถานการณ์ในประเทศไทย
ทั้งนี้นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เพื่อเข้าพบรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของเมียนมาร์ ในฐานะเป็นประธานอาเซียน และประเทศเพื่อนบ้าน โดยเมียนมาร์ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งเข้าใจในสถานการณ์การเมือง รวมถึงยืนยันว่าจะไม่เข้าแทรกแซงกิจการภายในของไทย และเห็นว่าประเทศไทยยังมีบทบาทในภูมิภาคที่เข้มแข็งต่อไป และยินดีสนับสนุนไทยในกรอบอาเซียน และความสัมพันธ์ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
ส่วนช่วงเช้าที่ผ่านมาพล.อ.ตัน ซรี ตาโต๊ะ ซรี ซูกิเฟรี บิน โมฮัมหมัด ซิน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดประเทศมาเลเซีย และคณะเดินทางเข้าเยี่ยมคำนับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าคสช. ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 3-4 มิ.ย.57 เพื่อกระชับความสัมพันธ์และสนับสนุนการทำงานระหว่างไทย มาเลเซีย และกองทัพ
สำหรับการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ คสช.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.) ตามคำสั่งของคสช.ที่ 45/2557 เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างรอบคอบ โปร่งใส และไม่เสียวินัยการเงินการคลัง โดยปลัดบัญชีกองทัพ เป็นประธาน และมีปลัดกระทรวงการคลัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นรองประธาน รวมทั้งยังมีกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามการใช้จ่ายงบประมาณ อย่างโปร่งใส ซึ่งมุ่งเน้นแผนงานหรืองานที่สำคัญ ที่มีผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเน้นที่ผลสัมฤทธิ์และความคุ้มค่าของโครงการที่ดำเนินการอยู่ และแผนงานที่จะดำเนินการต่อไป ทั้งงบประมาณปี 57 และ 58 รวมถึงสอดคล้องผลประโยชน์ของประชาชน และเป็นไปตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะกลั่นกรองนโยบายให้ตรงกับเป้าหมายที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ซึ่งขณะนี้การอนุมัติงบประมาณต่างอยู่ในอำนาจของคสช. เปรียบเสมือนคณะรัฐมนตรีในสถานการณ์ปกติ แต่ในส่วนของคตร.เป็นการตั้งขึ้นพิเศษเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการทำงานของคสช. ทั้งนี้ในส่วนกรอบอำนาจของคตร.จะย้อนกลับไปพิจารณาโครงการของรัฐบาลที่ผ่านมาหริอไม่นั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการว่ามีความคืบหน้าถึงกระบวนการใด
ส่วนกรณีมีข้อกังวลความร่วมมือในเรื่องของการฝึกทหารร่วมกันกับมิตรประเทศว่า ส่วนใหญ่ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี มีเพียงแต่ของประเทศออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกาบางส่วนที่ชะลอการฝึกอยู่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการฝึกร่วมกันแต่อย่างใด
นอกจากนี้ กรณีที่มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในการกระจายข่าวสารรูปแบบต่างๆ นั้น ถ้าไม่มั่นใจในข้อมูลข่าวสารก็สามารถสอบถามทางทีมโฆษกฯ ได้ ส่วนกระแสข่าวว่ามีทหารหรือตำรวจนอกเครื่องแบบไปขอตรวจค้นบ้านประชาชนในพื้นที่ต่างจังหวัดนั้น ยืนยันว่า การเข้าขอตรวจค้นเจ้าหน้าที่จะต้องแต่งเครื่องแบบเท่านั้น และส่วนใหญ่ต้องมีการตรวจร่วมทั้งทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง รวมถึงสามารถขอให้เจ้าหน้าที่ยืนยัน และแสดงตัวก่อนเข้าตรวจค้นได้ โดยเจ้าหน้าที่ต้องแสดงตัวก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่เพื่อตัดปัญหาในการสร้างข่าวลือ
ด้าน น.ส.ปัทมาภรณ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ทีมโฆษก คสช. กล่าวถึงความคืบหน้าของการดำเนินการตั้งศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปว่า ขณะนี้ได้ใช้กลไกของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) ในการดำเนินการไปแล้ว
ขณะที่ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสังคม จิตวิทยา ได้ประชุมร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องอาทิกระทรวงวัฒนธรรม โดยได้มอบนโยบายให้ปรับกิจกรรมสอดคล้องเนื้อหาการปรองดองเข้าไปทุกกิจกรรม ส่วนกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เน้นจัดทำกิจกรรมสังคมให้อยู่ในความสงบสุข
สำหรับฝ่ายกฎหมายและความยุติธรรมได้ประชุมเพื่อพิจารณากฎหมายและระเบียบที่ไม่เอื้ออำนวยต่อกระบวนการสร้างความปรองดอง ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ในทุกวันพุธและพฤหัสของทุกสัปดาห์จะมีการประชุม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย ฝ่ายเศรษฐกิจ ฝ่ายสังคมจิตวิทยา และฝ่ายความมั่นคง เพื่อติดตามความคืบหน้าการทำงานของแต่ละฝ่าย