คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 ม.ค.56 ถึงวันที่ 4 ก.พ.56 นายธาริตได้แถลงข่าวกล่าวหาว่านายสุเทพเป็นผู้มีคำสั่งไม่ให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจจำนวน 396 แห่ง ตามที่ สตช.เสนอ แต่กลับให้รวมสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างเพียงรายเดียวแก่บริษัท พีซีซี ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูล ซึ่งในที่สุดเกิดปัญหาไม่สามารถก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามสัญญาได้
โดยวันนี้ศาลนัดพร้อมคู่ความในคดีดังกล่าว และกำหนดสืบพยานโจทก์นัดแรกในวันที่ 2 ก.พ.58 ซึ่งโจทก์จะนำพยานมาสืบจำนวน 10 ปาก รวม 8 นัด ส่วนฝ่ายจำเลยขอสืบพยาน 4 นัด รวมทั้งขอสืบพยานลับหลังจำเลย ซึ่งศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าคดีนี้มีอัตราโทษจำคุกไม่ถึง 10 ปี จึงอนุญาตให้สืบพยานลับหลังจำเลยได้
นายธาริต กล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจอะไร เพราะที่ผ่านมาก็ถูกฟ้องในหลายคดี โดยยืนยันว่าเป็นการปฎิบัติไปตามหน้าที่ และมั่นใจว่าจะได้รับความยุติธรรม ซึ่งขณะนี้การตรวจสอบโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทนอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แล้ว พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นกรณีมีกระแสข่าวการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจมารับตำแหน่งอธิบดี DSI โดยกล่าวว่าไม่อยู่ในสถานะที่จะให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าวได้