พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้ตัวแทนของประเทศไทยที่ปฏิบัติงานอยู่ในต่างประเทศในการช่วยสร้างความเข้าใจให้กับประเทศต่างๆ ซึ่งขณะนี้ขอยืนยันว่าการทำงานทุกด้านกำลังขับเคลื่อนโดยส่วนราชการ กระทรวง ทบวง กรม เพื่อเร่งแก้ปัญหาโดยคำนึงถึงประโยชน์ของชาติเป็นหลัก ปัจจุบัน ประเทศชาติมีปัญหา ดังนั้น ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ต้องช่วยกันแก้ไข เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ เพราะประเทศไทยไม่สามารถอยู่คนเดียวในโลกได้ และรายได้หลักของประเทศก็มาจากการส่งออก ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์กับประเทศนั้น
"การที่ คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครองในครั้งนี้ จะให้ทุกประเทศเห็นชอบในสิ่งที่ คสช.ดำเนินการคงเป็นไปไม่ได้ แต่เราต้องคำนึงถึงเกียรติยศ และศักดิ์ศรีของเราด้วย ไทยจะไม่ไปต่อต้านประเทศที่เห็นต่าง หน้าที่ของเราคือ เร่งทำความเข้าใจ และคาดหวังว่าทุกอย่างจะคลี่คลายลงเมื่อประเทศนั้นๆ ได้ทราบเจตนารมณ์ของ คสช. จึงอยากให้ทูตรวมถึงข้าราชการ ได้ช่วยกันอธิบายอย่างเป็นเป็นทางการ และการพูดคุยส่วนตัวกับทูตประเทศนั้นๆ ให้ ยืนยัน ว่า คสช. ต้องการให้ระบอบประชาธิปไตยในประเทศมีความสมบูรณ์ มีฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการประกอบเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน"
ด้านนายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า หน้าที่หลักของกระทรวงการต่างประเทศคือการชี้แจงและสร้างความเข้าใจกับนานาประเทศและประชาคมโลกเกี่ยวกับสถานการการเมืองไทย ที่ผ่านมา 2 สัปดาห์ กระทรวงการต่างประเทศได้ใช้ 3 แนวทางหลักคือ 1.การคุยกับคณะเอกอัครราชทูตและสื่อมวลชนที่กรุงเทพมหานคร 2.เรามีสถานทูต สถานกงศุลใหญ่ คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติกว่า 95 ประเทศ ก็ได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจให้ประเทศต่างๆเข้าใจถึงสถานการณืปัจจุบันของไทย และ 3. ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะรักษาการ รมว.ต่างประเทศ ได้เดินทางเยือนประเทศและเข้าร่วมการประชุมในเวทีต่างๆ ทั้งระดับภูมิภาคและนานาชาติก็ได้ใช้โอกาสอธิบายเกี่ยวกับสถานการล่าสุดและการดำเนินการต่อไปตามโรดแม็ป รวมทั้งการเข้าร่วมประชุมต่างๆ หรือการพบปะกับหัวหน้าคณะจากประเทศต่างๆก็ได้ถือโอกาสสร้างความเข้าใจ
ส่วนในที่ประชุมระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ หัวหน้า คสช.กับเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ไทยจาก 18 ประเทศ จำนวน 23 คน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานหลังจากที่ได้มีการหารือกันเมื่อคืนวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ชัดเจนว่ากลุ่มประเทศตะวันตกมีความเข้าใจสถานการการเมืองไทยมากขึ้น ทั้งนี้ประชาคมโลกมองประเทศไทยว่าเป็นมิตรประเทศสำคัญ มีความสัมพันธ์ยาวนาน อย่างสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์กว่า 180 ปี ออสเตรเลีย มีความสัมพันธ์กว่า 60 ปี เป็นต้น มีความร่วมมือในทุกมิติ ทั้งด้านทหาร ความมั่นคง เศรษฐกิจ การลงทุน การศึกษา และวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ซึ่งประเทศต่างๆ เหล่านี้มีความเข้าใจเพิ่มขึ้น เห็นได้ชัดเจนจากที่ไม่มีการประกาศโดยรัฐบาลเพิ่มเติม
ด้านนโยบายการต่างประเทศ จะดำเนินการในเชิงรุกเพราะประเทสไทยใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคอาเชียน เป็นผู้ร่วมก่อตั้งอาเชียน ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ของอาเชียน ดังนั้นนานาประเทศต่างๆจะตระหนักในบทบาทดังกล่าวและสนใจให้ประเทศไทยเป็นหุ้นส่วนในการแก้ไขปัญหาต่างๆทั้งปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การต่อต้านการค้ามนุษย์ เป็นต้น ซึ่งประเทศกลุ่มตะวันตกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้รายงานให้หัวหน้า คสช.ทราบถึงเรื่องของชุมชนไทยในต่างประเทศว่า ทั้งในประเทศสหรัฐฯ ออสเตรเลีย และยุโรป มีชุนไทยจำนวนมาก ซึ่งเป็นหน้าที่ของเอกอัครราชทูต และกงศุลใหญ่ ที่ต้องอธิบายชี้แจงสถานการณ์ต่างๆให้รับทราบ รวมทั้งให้มีการเสนอความคิดเห็นในมุมมองต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องการปฏิรูป
อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการพูดถึงการสร้างแนวร่วม เพราะประเทศต่างๆที่ไทยมีความสัมพันธ์ยาวนานและดีต่อกัน ซึ่งประเทศไทยมีเพื่อนจำนวนมาก ทั้งกลุ่มภาคเอกชน กล่ม ส.ส. สว.สามารถสร้างเป็นเครื่อข่ายที่ช่วยสร้างความเข้าใจให้กับรัฐบาลได้ และที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทาง ผบ.สส.ในฐานะที่กำกับดูแลกลุ่มงานด้านความมั่นคง ซึ่งผบ.สส.ได้อธิบายถึงโครงสร้างการทำงานและขอให้เอกอัครราชทูตทำงานในลักษณะของทีมไทยแลนด์ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้ดำเนินการอยู่แล้วเพราะมีผู้ช่วยทูตทหารบก เรือและอากาศประจำการในต่างประเทศ มีการทำงานอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องการประสานงานประสานข้อมูลต่างๆ ทางกระทรวงการต่างประเทศ คสช.ก็มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อเป็นข้อมูลในการชี้แจง
"จากผลการดำเนินการตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางคณะเอกอัครราชทูตสรุปได้ว่านานาประเทศเห็นได้ว่าตั้งแต่ทหารออกมาควบคุมการบริหารก็มีความสงบสุข ชีวิตประจำวันในประเทศไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ภาคเอกชนในยุโรปได้แสดงความเชื่อมั่นศักยภาพของเศรษฐกิจไทย และมองว่าประเทศไทยเป็นหุ้นส่วนระยะยาวที่จะมาลงทุน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทของเยอรมันที่สนใจมาลงทุนในระยะยาว" นายเสข กล่าว