อย่างไรก็ตาม ภาพรวมวันนี้มีความประทับใจ เพราะผู้ช่วยทูตทหารได้เสนอตัวชี้แจงทำความเข้าใจกับรัฐบาลและกองทัพ ประเทศตัวเอง และยังเสนอให้ คสช. จัดประชุมผู้ช่วยทูตทหารทุกสัปดาห์ ซึ่งเบื้องต้นกำหนดไว้ว่าจะเป็นทุกๆวันพุธ
"ประเทศไทยรู้สึกผิดหวังกับท่าทีของกลุ่มสหภาพยุโรป หรือ อียู ที่ประกาศทบทวนความสัมพันธ์กับไทยและออกมาประณามการรัฐประหาร ซึ่งไม่อยากให้เกิดขึ้น จึงขอให้ผู้ช่วยทูตทหารประเทศกลุ่มยุโรป ได้ช่วยชี้แจงข้อเท็จจริงให้รัฐบาลและกองทัพของตัวเองได้เข้าใจ"พ.อ.วีรชน กล่าว
สำหรับกรณีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐปรับลดอันดับการค้ามนุษย์ของประเทศไทยอยู่ในระดับต่ำสุดนั้น คสช. ไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบแม้การประเมินจะเกิดขึ้นก่อนที่ คสช.จะเข้ามาก็ตาม ดังนั้นจึงขอให้สหรัฐฯได้ติดตามการแก้ปัญหาดังกล่าวของคสช.ว่าเป็นอย่างไรต่อไป
ส่วนกรณีรัฐบาลสหรัฐฯระงับความช่วยเหลือด้านความมั่นคงเพิ่มเติมต่อประเทศไทยเป็นจำนวนเงิน 4.7 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมกับพิจารณาจะย้ายฐานการฝึกทางทหาร “คอบร้าโกลด์" ไปยังประเทศอื่น พ.อ.วีรชน กล่าวว่า การย้ายสถานที่ฝึกคอบร้าโกลด์ยังไม่มีความชัดเจน และผู้ช่วยทูตสหรัฐฯ ก็ยังไม่มีคำตอบในเรื่องนี้
"คสช.ได้แสดงความห่วงใยและอยากให้มีการทบทวน อยากให้สหรัฐแยกแยะเรื่องการเมืองกับความมั่นคงออกจากกัน เพราะผลประโยชน์ตกอยู่กับภูมิภาค ไม่ใช่ประเทศไทยประเทศเดียว ในขณะที่สหรัฐฯ ก็ได้ประโยชน์เช่นเดียวกัน"พ.อ.วีรชน กล่าว
นอกจากนี้ วันนี้ยังได้ชี้แจงเรื่องการจัดระเบียบแรงงานต่างด้าวกับ ผู้ช่วยทูตทหารประเทศกัมพูชา ซึ่งทางกัมพูชาเข้าใจเป็นอย่างดีและพบว่าขณะนี้แรงงานกัมพูชาทยอยกลับมาทำงานในไทยแล้ว
สำหรับความเคลื่อนไหวของ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ประกาศตั้งองค์กร “เสรีไทย" ต่อต้านคสช.นั้น ทางคสช. ไม่ได้มีการขอร้องโดยตรง แต่ได้แจ้งให้ทราบว่าคนเหล่านี้ทำผิดตามกฎหมาย และมีหมายจับ หากจะให้ความช่วยเหลือ ก็ขอให้เปรียบเทียบว่า คนเพียง 2-3 คน มีความสำคัญเท่ากับคนไทยทั้งประเทศหรือไม่ ซึ่งทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. ใช้ใช้วิธีขอความร่วมมือกับนานาชาติ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการตามช่องทางกฎหมาย