ส่วนการปฏิรูปเป็นสิ่งสำคัญในการหาจุดร่วมนำไปสู่ความปรองดองได้ การทำงานในเครือข่ายเดินหน้าปฏิรูปประเทศจะดำเนินต่อไปด้วยความเป็นอิสระเพื่อรวบรวมข้อมูลของภาคประชาชน สังคม และสนับสนุนการทำงานของภาครัฐในการเดินหน้าสร้างความปรองดอง
นายกิตติพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้รับการทาบทามมารับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี(ครม.) หรือในสภาปฏิรูปแต่อย่างใด แต่โดยส่วนตัวต้องการทำงานด้านการปฏิรูปเพื่อสานต่องานที่เคยทำมา ส่วนจะทำหน้าที่ใดในอนาคตคงต้องพิจารณาและปรึกษากับผู้ที่ทำงานร่วมกันก่อน
สำหรับกรณีการติดตามผู้ที่เคลื่อนไหวต่อต้าน คสช.เช่น นายจารุพงษ์ เรืองสุวรรณ อดีตรมว.มหาดไทยนั้น เห็นว่าทุกคนต้องเคารพกฏกติกา และหากมองประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัง ก็ต้องหันมาพูดคุยกัน โดยเฉพาะขนาดนี้ทุกฝ่ายต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความสับสน และไม่สร้างเงื่อนไขความขัดแย้งใหม่
ด้านนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม รักษาการปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาปล่อยตัวนายวีระ สมความคิด ว่าเป็นการดำเนินการผ่านกระบวนการโอนตัวนักโทษที่ทำมาตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงเป็นการขอพระราชทานอภัยโทษจากกษัตริย์กัมพูชาด้วย ซึ่งจากเงื่อนไขดังกล่าว นายวีระ ไม่ต้องกลับมารับโทษต่อในประเทศ และยืนยันว่าไม่ใช่การแลกเปลี่ยนตัวนักโทษกับทางกัมพูชา ส่วนคดีความอื่นๆ ของนายวีระ เช่นการปิดล้อมสนามบินก็ยังคงอยู่ในกระบวนการที่จะพิจารณาต่อไป
ขณะที่การดำเนินการกับนายจารุพงศ์ และนายจักรภพ เพ็ญแขนั้น กระทรวงการต่างประเทศและอัยการสูงสุดพยายามประสานหาช่องทางตามกฎหมายในการเร่งติดตามตัว รวมถึงกรณีของ น.ส.ฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือโรส ที่มีกระแสข่าวว่าได้รับสัญชาติอังกฤษไปแล้วนั้น ต้องได้รับการยืนยันจากทางการอังกฤษก่อนว่าเป็นความจริงหรือไม่