"ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานร่วมกันบูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยแต่ละกลุ่มงานต้องเร่งดำเนินการทั้ง 3 กลุ่มหลักอย่างรวดเร็ว ทั้งงานด้านปราบปราม การบำบัดฟื้นฟู และการป้องกันสร้างภูมิคุ้มกัน ในช่วงเดือนแรกที่ผ่านมาเน้นย้ำเรื่องการปราบปราม การจัดระเบียบในเรือนจำ และการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ค้ายา ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จประมาณ 50% และยังเดินหน้าทำงานในส่วนนี้อย่างต่อเนื่อง" พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้าฝ่ายกระบวนการยุติธรรม คสช.กล่าว
ช่วง 3 เดือนต่อจากนี้ไปจะต้องเน้นเรื่องการบำบัดฟื้นฟู และการป้องกันสร้างภูมิคุ้มกันในระดับพื้นที่ ทั้งในโรงเรียนและหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยเป็นศูนย์หลักในการดำเนินการ เพราะเป็นฝ่ายที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด และ คสช.จะพิจารณาจัดสรรเพิ่มงบประมาณในบางส่วนให้สามารถดำเนินการได้ตามแผนงานที่วางไว้
พร้อมกันนี้จะมีการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขข้อกฎหมาย และกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน เพื่อให้อำนาจเต็มแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ให้ได้ทำงานง่ายขึ้น
ทั้งนี้ ทุกนโยบายจะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน แต่หากไม่เป็นไปตามเป้าหมายจะยังไม่มีการคาดโทษผู้ปฏิบัติงาน แต่อาจะมีการเรียกประชุมอีกครั้งในช่วงเดือนสิงหาคมหรือกันยายน เพื่อมาประเมินและปรับการทำงานอีกครั้งให้เกิดความเหมาะสมต่อไป