พร้อมกันนี้ กกต.ยังมีมติให้ดำเนินคดีอาญากับนายชูวิทย์ ซึ่งหากศาลอุทธรณ์มีความเห็นสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายสิทธิชัย กกต.จะดำเนินการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเอาผิดอาญากับนายชูวิทย์ทันที ซึ่งจะมีโทษตาม พ.ร.บว่าด้วยการเลือกตั้งท้องถิ่น มาตรา 57 ประกอบมาตรา 118 คือ จำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี แต่หากศาลอุทธรณ์เห็นต่างจาก กกต.ก็จะมีการพิจารณากันอีกครั้งว่าจะมีการดำเนินคดีอาญากับนายชูวิทย์หรือไม่
นอกจากนั้น กกต.ยังมีมติให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและดำเนินคดีอาญากับผู้บริหารท้องถิ่น ได้แก่ นายจิรวัฒน์ ครุฑสังวาลย์ นายกเทศมนตรีตำบลลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา กรณีให้ทรัพย์สินและแจกเสื้อวินจักรยานยนต์ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใจให้เลือกตนเอง, นายวุฒิชัย สมวงศ์ นายก อบต.คองปิด อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ กรณีให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง, นายบุญชัย ทองคำนุช สมาชิก อบต.ท่าลาด เขต 11 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี และนายมนูญ จำปาสา ผู้สมัครสมาชิก อบต. กรณีสัญญาว่าจะให้ทรัพย์สินแก่วัดเพื่อแลกกับการให้นายมนูญไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ทำให้นายมนูญเปลี่ยนใจไม่ลงสมัคร โดย กกต.เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการฮั้วกันในการแข่งขันเลือกตั้ง
และ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายบุญทนันท์ โต๊ะสิงห์ นายก อบต.โนน อ.โนนนารายณ์ จ.สุรินทร์ กรณีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งในลักษณะสัญญาว่าจะให้ เช่น ปราศรัยว่าจะให้เงินผู้สูงอายุมากกว่าที่รัฐบาลจัดให้ จะให้เบื้ยเลี้ยงและพาอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) และจะให้เงินค่าทำศพกับผู้เสียชีวิตในตำบลรายละ 5,000 บาทมากกว่าที่รัฐจัดให้ โดย กกต.เห็นว่าคำปราศรัยดังกล่าวไม่ใช่การหาเสียงเชิงนโยบาย
นายดุษฎี กล่าวว่า แม้ช่วงนี้จะไม่ต้องดำเนินการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น แต่ กกต.ยังมีภารกิจอื่นอีกมากที่ต้องดำเนินการ โดยเฉพาะการพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่นอีกกว่า 400 สำนวน รวมถึงเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ส.ที่มีอยู่ 39 สำนวน ในจำนวนนี้มี 8 สำนวนอยู่ระหว่างการพิจารณาของอนุกรรมการไต่สวน โดยหนึ่งในนี้มีคำร้องคัดค้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และคำร้องที่เกิดขึ้นภายหลัง โดย กกต.เห็นว่าเป็นความปรากฏจึงให้มีการดำเนินการสอบสวน ซึ่งเป็นกรณีที่มีผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคการเมืองหนึ่งไปออกรายการทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐช่วงที่มี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง 2 ก.พ.57 ซึ่งทุกสำนวนจะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว