ขณะที่ คณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณข้าวรายงานให้ทราบว่าจากการตรวจสอบทางกายภาพของข้าวทั่วประเทศตามโกดังต่างๆ 1,290 แห่งจากที่มีทั้งหมด 1,787 แห่ง คิดเป็น 72% โดยใน 72% ที่ตรวจสอบไปแล้วประมาณ 80% มีคุณภาพดีและถูกต้อง และอีกประมาณ 10% ที่ยังมีปัญหาอยู่ ไม่ตรงกับที่แจ้งไว้และเสื่อมคุณภาพ
"ตัวเลขตัวนี้ บางคนบอกว่าทำไมน้อย จะมากหรือน้อยเป็นไปตามข้อมูลที่ให้มา ข้อมูลให้มาตอนเริ่มตรวจสอบ เราไปตรวจสอบเพื่อการจะระบายข้าว เมื่อไปตรวจสอบก็ไปพบว่ายอดที่ให้มากับในคลังไม่ตรงกัน ก็ไปดูว่าไม่ตรงกันเพราะอะไร เสื่อมสภาพเท่า ตรงไหนผิด ตรงไหนถูก ก็ไปดำเนินคดี อันนี้แค่ปลายเหตุที่ตรวจสอบข้าว ผมว่ามีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้อง จะผิดจะถูกไปว่ากันอีกที อย่าเพิ่งมาจับผิดกันตรงนี้ นี่คือการกระทำตรวจสอบที่ปลายเหตุ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนกรณีของจำนวนข้าวนั้น ควรจะน่าจะดีใจที่ข้าวเสียน้อย เพราะถ้าเสียมากมูลค่าก็ลดลง ราคาตก ของเสีย ขายไม่ได้ รัฐจะไม่ได้เงินคืน เรื่องการทุจริตผิดกฎหมายก็ไปว่าในกันในขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่การรับจำนำ ใบประทวน การเก็บรักษา ค่าเช่าโกดัง โควต้าราคาขายอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบทั้งหมด ถ้าผิดทุกขั้นตอน ก็มีคนผิดทุกขั้นตอน ถ้าข้าวไม่ครบ คนที่รับผิดชอบในส่วนนี้ก็รับผิดชอบไป ถ้าในขั้นตอนการขายคนที่ขายก็รับผิดชอบไป หรือการรับจำนำข้าวบกพร่อง ทุจริตก็รับผิดชอบ บางคนอาจจะต้องรับผิดชอบตั้งแต่ต้นก็ได้ แล้วแต่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ก็สอบอยู่
"ทางเราต้องตรวจสอบเพื่อการที่จะระบายข้าว อันนี้ขอให้ทุกคนเข้าใจอีกครั้งหนึ่ง อย่าตำหนิต่อว่ากันเลย หรือว่าสงสัย คสช. ว่าตรวจรู้ได้อย่างไร 10% เพราะคนตรวจเป็น 100 คน บางคนบอกว่าไปตรวจทั่วหรือไม่ ไปดูทุกที่ ทุกที่ก็เจาะ และสุ้ม มีวิธีไหนหรือไม่ที่จะไปตรวจข้าวประมาณ 1 ล้านกระสอบ โดยที่ต้องเจาะทุกกระสอบ ทำได้หรือไม่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว