โดยแกนนำชุมชนมีความพึงพอใจต่อการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของ คสช.ด้านสังคม อันดับ 1 ได้แก่ การตรวจโกดังข้าว เพื่อดำเนินคดี กรณีตรวจพบความไม่โปร่งใสได้ 8.88 คะแนน อันดับ 2 ได้แก่ การแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นโดยคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายภาครัฐ(คตร.) สู่การปลูกฝังส่งเสริมข้าราชการที่ดีในทุกระดับได้ 8.84 คะแนน อันดับ 3 ได้แก่ การจัดการขั้นเด็ดขาดกับ ขบวนการเรียกรับผลประโยชน์ในโครงการต่างๆ ที่ คสช. อนุมัติไปเช่น การก่อสร้าง การบริหารจัดการน้ำ และสาธารณูปโภคพื้นฐานได้ 8.81 คะแนน อันดับ 4 ได้แก่ ขยายเวลากองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาได้ 8.68 คะแนน อันดับ 5 ได้แก่ การเพิ่มอัตราบุคลากรทาง สาธารณสุขแก้ปัญหาขาดแคลนแพทย์และพยาบาลได้ 8.64 คะแนน อันดับรองๆ ลงไป ได้แก่ การเปิดศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว One Stop Service ครบทั้ง 22 จังหวัดติดชายทะเล โครงการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ยกระดับคุณภาพการศึกษา การขอให้ต่างประเทศเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย มาตรการที่เหมาะสมและปลอดภัยในการส่งกลับผู้ลี้ภัยจากการสู้รบทางชายแดนไทย-พม่า และการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ชาติสมาชิก โอไอซี OIC สนับสนุนการเจรจาสันติภาพ ตามลำดับ
ขณะที่ความพึงพอใจของแกนนำชุมชนต่อการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของ คสช.ด้านเศรษฐกิจ อันดับ 1 ได้แก่ การระบายข้าว ความร่วมมือรัฐกับเอกชนในการขายข้าวให้ต่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาผลกระทบต่อเกษตรกรและการบริโภคของประชาชนทั่วไป ได้ 8.67 คะแนน อันดับ 2 ได้แก่ ตัวแทนสมาคมไทย–จีน และสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เข้าพบกับหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจของ คสช. เพื่อความเชื่อมั่นในการค้าการลงทุน ได้ 8.14 คะแนน อันดับ 3 ได้แก่ การส่งเสริมการลงทุน ได้ 8.06 คะแนน อันดับ 4 ได้แก่ มาตรการเพิ่มราคามันสำปะหลังและอ้อย ได้ 8.01 คะแนน และอันดับ 5 ได้แก่ การเจรจาการค้าเสรี อาเซียนกับฮ่องกง และอาเซียนกับเกาหลี ได้ 7.97 คะแนน ในขณะที่รองๆ ลงไปได้แก่ การแก้ไขปัญหาสินค้าทางการเกษตรตามแนวชายแดน มาตรการเพิ่มราคา ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาสินค้าทางการเกษตรที่เพิ่มขึ้น และแนวทางแก้ไข เช่น ลำไย ทุเรียน เงาะ การแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น มังคุด ลองกอง และ การแก้ปัญหาราคา ยางพารา ตกต่ำ เป็นต้น
ส่วนความพึงพอใจของแกนนำชุมชนต่อการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของ คสช.ด้านการเมืองการปกครอง อันดับ 1 ได้แก่ การดำเนินการเอาผิด ขบวนการเรียกรับผลประโยชน์ในการแต่งตั้งบอร์ด สนช. และรัฐบาล ถ้าพบความผิดต้องดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด ได้ 8.83 คะแนน อันดับ 2 ได้แก่ การก้าวไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ได้ 8.79 คะแนน อันดับ 3 ได้แก่ การเข้ามาของ คสช.เพื่อประชาธิปไตยที่ดีขึ้น ได้ 8.73 คะแนน อันดับ 4 ได้แก่ ความเป็นกลางของ คสช. และการอาศัยกระบวนการยุติธรรมลดความขัดแย้งในสังคม ได้ 8.72 คะแนน และอันดับ 5 ได้แก่ การขอความร่วมมือให้กับ คสช. ในการปฏิบัติงานจากทุกภาคส่วน หลังจากมีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว เพื่อให้ประเทศชาติมั่นคงยั่งยืน ได้ 8.69 คะแนน ในขณะที่รองๆ ลงไปคือ การสรรหาบุคคลเป็นผู้บริหารราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่นให้ทำหน้าที่โปร่งใส มีประสิทธิภาพ มีความรู้ มีคุณภาพ เสียสละ นึกถึงผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าตนเองและพวกพ้อง การบริหารราชการแผ่นดินในระยะที่ 2 เมื่อมี นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาปฏิรูปแห่งชาติ นำไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน การสร้างความเข้าใจอันดีของต่างประเทศต่อประเทศไทย และ ความร่วมมือระหว่างประเทศในด้าน การทหาร การฝึกร่วมระหว่าง ทหารบก ของไทยกับออสเตรเลีย เรื่อง สื่อ ที่หัวหน้า คสช. ขอบคุณในความเข้าใจกัน ขอให้แต่ละสมาคมดูแลไม่ให้ละเมิดโดยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ ให้เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวอ้าง ให้ทุกสื่อเป็นที่น่าเชื่อถือของสาธารณชน และ การปฏิรูปสื่อมวลชนทุกแขนง ตามลำดับ
ทั้งนี้ มาสเตอร์โพลล์ได้สำรวจเสียงสะท้อนของแกนนำชุมชนต่อการทำงานของ คสช.จากกลุ่มตัวอย่างแกนนำชุมชนทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 606 ชุมชน ระหว่างวันที่ 25 กรกฎาคม ถึงวันที่ 2 สิงหาคม 2557